ผมนั่งคิดอะไรเล่น ๆ ที่สนามบินเชคแล็บก๊อกของฮ่องกง เวลา 2 วันที่ได้ใกล้ชิดผูกพันกับคนกลุ่มหนึ่ง ผู้ชึ่งเรียกกลุ่มของตัวเองว่า “สมาคมรวมไทยในฮ่องกง” บางคำถามยังก้องอยู่ในความคิดคำนึง
“ทุกคนกำลังทำอะไร?”
“ทำไปเพื่ออะไร?”
อาชีพแม่บ้านในฮ่องกง ต้องปฏิบัติงานสารพัดในบ้านนั้น ปัญหาทั้งในเรื่องของภาษาการสื่อสาร การปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมถึงความคิดถึงบ้านและครอบครัวที่จากมา ทุกคนมีสิทธิเสมอภาคคือได้มีวันหยุด 1 วันประจำสัปดาห์ และเลือกได้…
กิจกรรมกลุ่มเริ่มเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ ริมฟุตบาทใต้สะพานบ้าง สวนธารณะบ้าง หรือตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย มีการรวมกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและอุปสรรคที่ทุกคนได้พบเจอมา รวมถึงการริเริ่มสอนภาษากวางตุ้ง , อังกฤษ โดยผู้ที่มีประสบการณ์ในภาษานั้น ๆ
จากกลุ่มคนไม่กี่คนก็เริ่มมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ทุกคนเลือกวันหยุดประจำสัปดาห์ให้ตัวเองในวันอาทิตย์ เพื่อมาพบปะเสวนาและเรียนรู้เพิ่มเติม เมื่อคนมากขึ้น ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการจัดทำคณะกรรมการ เพื่อดูแลสมาชิกในกลุ่ม
ปัจจุบัน สมาคมรวมไทยในฮ่องกง ได้จดทะเบียนสมาคมถูกต้อง ตามกฎหมายในฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว และมีที่ทำการอยู่ห้อง ๆ หนึ่ง ข้าง ๆ สวนสาธารณะเล็กเก่าเส่ง
วันนั้น พี่ตู่ พี่มหา เจ้าหนึ่ง และทิดโส เราเดินทางล่วงหน้าไปไซ่กง เพื่อจัดเตรียมอาหารและสถานที่ ไว้คอยต้อนรับสมาชิกในวันรุ่งขึ้น เราไปพบและพักค้างคืนที่บ้านของเจ้านายพี่ปาริชาติ บรรยากาศที่สวนไซ่กงสวยงามมาก บ้านอยู่ริมเขา ไม่ห่างจากทะเลมากนัก เราประชุมและจัดเตรียมอุปกรณ์กันอย่างเร่งรีบ โดยมีไวน์ขาวและไวน์แดงเป็นยาเสริมพลัง 555
ล่วงเข้า 3 ทุ่ม เจ้านก นั่งแท็กซี่เข้ามา (เนื่องจากรถเมล์หมดเวลาวิ่งแล้ว) ไม่พูดพล่ามทำเพลง หั่นผัก สับไก่ จัดเตรียมอาหารไว้รอปรุงในตอนตี 5 กว่าเราจะได้เอนหลังกันก็ล่วงเลยวันใหม่เข้าไปแล้ว
รุ่งเช้า… เราหอบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้พร้อมทั้งอาหารลงมาที่ไซ่กง ไม่นานนัก…รสบัสก็จอดสนิทที่ลานจอดรถ สมาชิกต่างร่วมด้วยช่วยกันหอบหิ้วอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างขมีขมัน … ทิดโสยืนเอาใจช่วยเงียบ ๆ 5555
บรรยากาศ 1 วันที่เราร่วมกิจกรรมกัน มองเห็นได้ถึงน้ำจิตน้ำใจของพี่น้องสมาชิก มีอาหารมาแบ่งปัน มีการดูแลกันและกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน คณะกรรมการต่างรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ขาดตกบกพร่อง จนล่วงเลยถึงเวลาต้องอำลาไซ่กง
เมื่อรถบัสมาส่งถึงที่ทำการสมาคมฯ ทุกคนช่วยกันหอบหิ้วอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เสียงพูดคุยหยอกล้อกันยังมีอยู่ไม่ขาด
ค่ำนั้น…เราประชุมร่วมกับคณะกรรมการฯ อีกครั้ง ได้มองเห็นความสวยงามในใจของทุกคน ที่สมัครใจร่วมด้วยช่วยเหลือพี่น้องท่านอื่น ๆ ผมเก็บความรู้สึกที่ดีนั้นไว้ในใจ… เงียบ ๆ
ผมนั่งอยู่บนเครื่องบินด้วยใจที่ไม่เป็นสุขนัก โรคกลัวความสูงและกลัวเครื่องบิน ยังตามมาหลอกหลอนในใจไม่หยุดหย่อน แต่ผมก็เก็บไว้เงียบ ๆ กลัวเจ้าหนึ่งที่นั่งมาด้วยกันจะรู้ 5555
ได้ยิ้มเต็มใบหน้าอีกครั้ง เมื่อได้เหยียบย่างอยู่บนพื้นของดอนเมือง สิ่งต่าง ๆ ที่ผมเก็บไว้ในใจกำลังพรั่งพรูออกมา
ผมคิดถึงวันหยุดที่มีค่ามากของพี่น้องเหล่านั้น แต่ทุกคนกลับเลือกที่จะมากระทำเพื่อผู้อื่น ด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ผมนึกถึงประโยค “เมื่อถึงเวลา..ดอกไม้จะบานเอง” ใช่แล้ว!! พี่น้องเหล่านี้ก็คือมวลดอกไม้ทั้งหลายหลากนั่นเอง ได้เวลาเบ่งบานเต็มที่ โดยไม่ต้องมีการบังคับหรือเร่งรัด บานเพื่อแต้มโลกให้สวยงาม มิได้เบ่งบานแบบไร้ค่า
ผมจึงเขียนถึงดอกไม้เหล่านั้น เขียนด้วยใจเป็นสุขเช่นกัน
ดอกไม้หากเจ้าบาน อีกไม่นานก็ล่วงโรย
เมฆฝนปรายโปรย หล่นแต้มผืนแผ่นดิน
กลีบร่างที่เคยบางเบา เนิ่นนานเนาก็คงสูญสิ้น
หล่นแต้มผืนแผ่นดิน สิ้นความงดงาม
มีใครกำหนดไว้ หรือว่าให้ดอกไม้ต้องบาน
แต่งแต้มโลกชั่วกาล เจ้าเบ่งบานเพื่อใคร
ดอกไม้หากไม่บาน อีกไม่นานก็คงสูญไป
จะอยู่ไปเพื่อใคร หากดอกไม้ไม่เบ่งบาน
เมื่อมีการนำเพลงนี้ไปทำเดโม ผมฟังแล้วจึงได้คิด เพลงนี้ไม่ได้เขียนให้เพื่อพี่น้องสมาคมฯ เพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงบทเพลงนี้น่าจะมอบให้พี่น้องที่กระทำเพื่อสังคม ท่านอื่น ๆ ด้วย ขอสนับสนุนทุกท่านด้วยหัวใจ…ครับ
ทิดโส โม้ระเบิด
ดีจังค่ะ…
เพลงเพราะมากเลย !!!!!
ฟังเพลงแล้วทำให้นึกถึงใบหน้าของผู้แต่งที่ดูเหมือนว่าจะขี้เหล้าเอาการทีเดียว แต่เมื่อได้รู้จักพูดคุยแล้วก็รู้สึกคุ้นเคย จะทำอย่างไรได้ ไปอยู่กันต่างแดนหากไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วยไทย
ยังมีอีกมากมายที่สมาคมเราต้องก้าวย่าง แต่การย่างแต่ละก้าวของพวกเรานั้น มันค่อนข้างจะขลุกขลักเหลือเกิน เปรียบไปก็เหมือนเพลง “ดอกไม้บาน”
ไม่ง่ายนักสำหรับการทำงานเพื่อสังคมที่ว่างเปล่าจากผลประโยชน์ เพียงแค่มุ่งหวัง “ความสุข” ที่ได้ทำเพื่อส่วนรวม
ขอขอบคุณน้องทิดโส น้องนก และน้องสาวที่เสียงแฝงไปด้วยอุดมการณ์ (ไม่รู้จักชื่อ) ที่ร่วมกันจัดทำเพลงนี้ขึ้น เพลงนี้จะเป็นพลังให้กับผู้ทำงานในสมาคมต่อไป
เพลงนี้จะถูกเผยแพร่ในทุกๆครั้งที่มีกิจกรรมที่ฮ่องกง
หวังไว้สักวัน “ทิดโส” คงจะกลับไปหาพวกเราอีก มีใครบางคนบอกว่า ดอกน้ำองุ่น ไว้รอ…….
น้องเพียงพอโตเมื่อไหร่ ไปเมื่อนั้นนะ……..ไปหละ
ดอกไม้ . . .
ดอกไม้จะบาน . . .กลางในหัวใจฉัน
ชูก้าน แตกกิ่งดอก หยอกเย้าแสงตะวัน
บล่อยให้มัน เบ่งบาน . . .กลางในหัวใจฉัน
พี่ทิด นู๋เพิ่งหัด ขีด ๆ เขียน ๆ กลอน ค่ะ
สอน ข่อยด้วยเด้อ เว้าผิดเว้าถูกแต่อยากจะเว้า . . .
อยากไปร่วมงาน ช่วยเหลือ แบ่งปัน เด็ก ๆค่ะ
มีโอกาส อยากทำอะไรดี ๆ คืนสู่สังคมค่ะ . . .
ปกากะญอ กะ กัญนิกา คนเดียวกันเด้ออ้าย . . . .
ขอบคุณค่ะพี่ทิด . . .
ไว้มีโอกาสเราคงได้ร่วมงานกันนะ
ยินดีช่วยเหลือค่ะ . . .มืกิจกรรมไรให้ช่วยยินดีค่ะ
ลืมบอกไปนู๋ทำกับข้าวเก่งนะ ตระกูลไข่เป็นหมด . . . แต่เข้าครัวทีไร ตำแหน่งล้างจานนู๋ทุกที
เป็นคนล้างจานในค่ายก็ได้ . . .เพียงเพราะใจอยากทำ . . . .
คุณยูมิครับ
ขอบคุณนะครับ
พี่ตู่คงได้รับคอร์ดจาก Annop NOK แล้ว
เจ้าหมายคงเล่นได้แล้วสินะ
เดี๋ยวว่าง ๆ จะนั่งเครื่องบินตามไปฟังนะหมายนะ 555
ป้ากาน!!
เค้าเห็นอีเมล์ตะเอง เค้าก็รู้แล้ว
ยินดีที่บ้านนี้ ได้เป็นที่พักพิงหัวใจนะป้ากานนะ 5555
แล้วว่าง ๆ จะแปลงร่างเป็นโลมา อีกครั้ง
และอีกครั้ง 5555
ปกากะญอ หรือ ปั๊กกะญอ
มีส่วนทำให้บ้านหลังนี้ก่อเกิด
เพราะปราชญ์แห่งปั๊กกะญอท่านเคยกล่าวไว้
“ข้าวเปลือกเมล็ดเดียว ต้มเหล้าไม่ได้”
ฉันใดก็ฉันเพล
การกระทำใด ๆ หากขาดการสนับสนุนเอาใจช่วยจากมวลเหล่าพี่น้อง
ก็คงไม่ก่อเกิดในสิ่งดี ๆ เหล่านั้น
มามะ มาจอยกันจอยกัน 5555
ไปละ อิอิอิ