Stand by Me โดยผู้กำกับ ร็อบ ไรเนอร์ (Rob Reiner) ในปี 1986 บทภาพยนต์ดัดแปลงมาจากหนังสือนิยาย The Body ของ Stephen King นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง ชาวอเมริกัน

แต่ The Body ไม่ใช่นิยายสยองขวัญ แต่เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กกลุ่มหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ ซึ่ง Stephen King นำเอาเรื่องราววัยเด็กของชีวิตตัวเองใส่ลงไปในงานเขียนชิ้นนี้ด้วย

มีบทสัมภาษณ์ Rob Reiner เล่าว่า วันที่หนังเสร็จเรียบร้อยแล้วนำมาให้ Stephen King ชม เมื่อหนังจบลง Stephen กลับนั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่คุย ไม่ลุก ไม่ขยับตัว จนทีมงานทุกคนเริ่มตระหนก หวั่นใจ ว่าเจ้าของลิขสิทธิ์จะไม่ถูกใจหนังเรื่องนี้เข้าซะแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ Stephen รักมันมาก เขาอินและอึ้งจนไม่สามาถจะทำอะไรต่อได้ เมื่อหนังพาให้ย้อนไปหาเรื่องราวในอดีตในวัยเยาว์ของตนเอง

ใช่! เพราะตัวข้าพเจ้าเอง ก็มีอาการเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบข้าพเจ้าปล่อยให้ไตเติ้ลตัวหนังสือ เลื่อนไหลของมันไปอยู่แบบนั้น พร้อมเสียงเพลงประกอบชื่อเดียวกันหนัง (Stand by Me โดย Ben E.King) ข้าพเจ้าต้องนั่งนิ่ง ๆ อยู่แบบนั้นครู่หนึ่งจริง ๆ

นี่ไม่ใช่หนังที่ข้าพเจ้าประทับใจ แต่ข้าพเจ้า “รัก” หนังเรื่องนี้
นี่คือหนังในดวงใจ ดูเป็นสิบ ๆ รอบก็ยังประทับใจ

Stand by Me เป็นเรื่องราวมิตรภาพของกลุ่มเด็กผู้ชายวัย 12 ปี 4 คน “กอร์ดี้ คริส เวิร์น เท็ดดี้” ที่ร่วมเดินทางไปตามทางรถไฟเพื่อตามหา “ศพ” ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งข่าวว่าถูกรถไฟชนเสียชีวิต และหากพวกเขาเป็นผู้พบศพ ก็จะได้ออกทีวี เรื่องรวม ๆ มีแค่นี้แหละ

แต่สิ่งที่ทำให้ Stand by Me ขึ้นหิ้งกลายเป็นหนังระดับคลาสสิค ชั้น Masterpiece ชิ้นหนึ่งของโลกภาพยนตร์ คือ เรื่องราวระหว่างการเดินทางที่ค่อย ๆ สะท้อนออกมาทีละน้อย ๆ สลับไปกับเหตุการณ์ตื่นเต้น แทรกด้วยเรื่องสนุก ๆ ห่าม ๆ แบบวัยเด็ก

เด็กทั้ง 4 คน ล้วนมีปมในชีวิต จากความไม่เอาใจใส่ของพ่อแม่ จากสภาพเศษฐกิจตกต่ำและสังคมรอบตัวเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ Castle Rock (รัฐ Oregon) ในปี 1959 ที่พวกเขาอาศัยอยู่กระทำต่อพวกเขา จากการถูกผู้ใหญ่ให้ร้าย ตราหน้าว่าเป็นเด็กเลว จากความรุนแรงในครอบครัว จากความลำเอียงในครอบครัว จากความยากจน จากการไร้ซึ่งโอกาสในชีวิต ทั้งหลาย ทั้งปวง ต่างดาหน้ารุมทำร้ายจิตใจเด็ก 4 คนนี้แบบเต็ม ๆ โดยที่พวกเขาเองอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

สิ่งเยียวยาชีวิตที่ถูกห่อมล้อมด้วยสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ เบาบางลง และมีความหมายมากขึ้นบ้าง ก็คือ “มิตรภาพ”

บทบาทการแสดงที่สมจริงเอามาก ๆ (แม้จะเป็นนักแสดงเด็ก) เรื่องและสถานการณ์ในหนัง ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ที่ทั้งช่วยเหลือกัน ทะเลาะกัน ด่าพ่อล่อแม่กัน มันทำให้ข้าพเจ้าเหมือนไม่ได้ดูหนัง แต่รู้สึกเหมือนเราเป็น 1 ใน 4 คนในเพื่อนกลุ่มนั้นจริง ๆ

กอร์ดี้ – คริส – เวิร์น – เท็ดดี้

โดยเฉพาะคู่หูตัวเอกของเรื่อง คือ กอร์ดี้ กับ คริส

“กอร์ดี้” มีความฝันอยากเป็นนักเขียน นักประพันธ์ เขาสูญเสียพี่ชายคนเดียวที่เข้าใจเขา เพราะอุบัติเหตุรถยนต์ พ่อแม่ที่เทความรักทั้งหมดให้พี่ชาย เพิกเฉยต่อกอร์ดี้ในทุกด้านมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอไร้คนพี่แล้ว คนน้องก็อยู่นสภาพ “ไม่มีตัวตน”

ครั้งหนึ่งผู้เป็นพ่อถึงขนาดหลุดปากออกมาว่า “คนที่ตายน่าจะเป็นแก”

ข้าพเจ้าเดาว่า ตัวละครกอร์ดี้นี้ น่าจะเป็นภาพสะท้อนตัว Stephen King เจ้าของนิยายต้นฉบับเอง

ส่วน “คริส” ผู้เป็นเด็กเลวในสายตาผู้คนในเมือง ถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมยเงินกองกลางของโรงเรียน ทั้ง ๆ ที่ครูผู้กล่าวหาเขานั้นแหละเป็นขโมยที่แท้จริง คริสเป็นพวกอาภัพอับโชค อยู่ผิดที่ผิดเวลาเสมอ แม้รักดี แต่ไม่เคยมีใครให้โอกาส

คริสเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกอร์ดี้ นอกจากพี่ชายแล้วก็มีคริสนี่แหละ ที่เข้าใจและปรารถนาดีต่อกอร์ดี้ เขาพยายามปลอบประโลม แนะนำ ตักเตือน ทุก ๆ ครั้งที่กอร์ดี้จะทำชีวิตตัวเองผิดเพี้ยน ออกนอกลู่นอกทาง เพราะความน้อยใจ หรือความผิดหวัง ก็มีเพื่อนที่คอยดูแล และเชียร์ให้กอร์ดี้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้ และได้เป็นนักเขียนสมใจ

บทตัวละคร คริส ที่โดดเด่นสุด ๆ นี้สมบูรณ์แบบด้วยฝีมือการแสดงของ ริเวอร์ ฟีนิกซ์ (River Phoenix) พี่ชายของ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) เจ้าของรางวัลออสการ์ จากบทบาท Joker อันลือลั่น (ริเวอร์ ฟีนิกซ์ เสียชีวิตเมื่อ 31 ตุลาคม 1993 เหตุเพราะเสพยาเกินขนาด)

หนังสนุก เพลงประกอบเพราะทุกเพลง เข้ากับหนังเอามาก ๆ โดยเฉพาะเพลงเอก Stand by Me ในเวอร์ชั่นของ Ben E.King และยังมีเหตุการณ์ในหนังที่มีรายละเอียดงาม ๆ ดี ๆ มากมาย ซึ่งมิอาจบรรยายหมด และอยากให้ทุกท่านลองสัมผัสด้วยตัวเอง

การเดินทางไปตามทางรถไฟ (เหมือนชีวิตเราที่มีคนสักคนกำหนดเส้นทางไว้ให้ เราเลือกเองไม่ได้) แทรกความสุขและความโศกของชีวิตที่เปราะบาง ความฝันอันริบหรี่ เบื้องหน้าไม่เห็นอนาคต เบื้องหลังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มีเพียงน้ำใจแท้ ของเพื่อนแท้ ในช่วงเวลาปัจจุบันเท่านี้ก็พอ

ก็แค่มีใครสักคนพร้อมจะ “ยืนเคียงข้างเราเสมอ”

“I never had any friends later on like the ones I had when I was twelve. Jesus, does anyone?”
– Stand by Me Quotes

สำหรับข้าพเจ้า Stand by Me เป็นมากกว่าภาพยนตร์ มันเป็นภาพทรงจำแห่งจินตภาพของมิตรภาพที่อบอุ่นและสุขใจ

อรรณพ นิพิทเมธาวี