สีของเจ้าดูสวยสดใสในวัยเยาว์
กลีบบอบบางมาเยือนโลกใหม่
ไก่ขันและเงียบไปเมื่อตะวันยิ้มร่า
กลิ่นของเจ้าโชยกรุ่นหอมหวนให้สิเน่หา
วันเวลาสม่ำเสมอ สรรพสิ่งกร่อนผุไปตามกาลเวลา
สายลมหนาวหอบหิ้วไออุ่นเย็น ๆ ที่ซ่อนละอองฝนใหม่
ฟ้าขับกล่อมแผ่นดินเป็นหยาดน้ำเสียแล้ว
อีกครั้ง…
ลำนำกวี
คือ เสียงฝนกระทบยอดใบแรกที่แต้มฟ้าอันสูงเทียมเมฆ
แผ่นดินที่เจ้าล้มตัวลงเหยียบแนบนอนเนาได้รับหยาดน้ำนั้น
โอ้หนอ กลีบกายเจ้าเปียกปอน
น้ำใสชะชอนไปทั่วเรือนร่างเจ้า
แอบอิจฉาแม้สายลมหนาวจับมือสายลมฝนเดินเข้ามาหา
อีกครั้ง…
กลีบโรยร้างไร้เรี่ยวแรงเมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน
ตะวันอ่อนแสงอยู่คงเดิมดูไร้แรงแห่งวันลงกว่านี้
เสียงนกกลับหลังร้องหาลูกๆทั่วทุ่งหนาแห่งมวลชีวิต
เจ้าเอยดอกไม้หุบกลีบงามเข้าหว่างดอกดวงสวรรค์คู่นั้น
อยู่ในกลีบเงียบ ๆ
อยู่ในกลีบสวรรค์แห่งวัยชีวิต
คอยส่งเสียงกวีกังวานไกลในในราตรี
คอยส่งกลิ่นอันหอมไกลในกลางวัน
อีกครั้ง…
ข้าเท่านั้นที่คอบเติมชีวิตให้เจ้า
ในทุก ๆ วัน แม้นฝนหรือแดดจะแผดเผา
แม้นยามกลางวันอันร้อนละอุ
และหรือคราวทิวาราตรีอันยามนาน
โอ้หนอ โอ้หนอ บุษบา แห่งมวลชีวิต
ก่อคเณศ รุ้งสันเทียะ
หาดใหญ่, ก่อน 00.00 น. ของวันที่ 1 มิถุนายน 2552 จะมาเยือน