ทีมงานคณะเดินป่าถ่ายทำสารคดี – ก่อคเณศ ผู้เขียนคนขวาสุด

บางครั้งที่ฉันเพื่อนพ้องและน้องพี่
ออกเดินทางสู่พงพีและหุบเขา
ย่างเหยียบย่ำเยาะเหยียบย่องล่องลุยสู่ลำเนา
ด้วยจิตใจแกร่งก้าวเกินที่เรามุ่งไป

ผ่านหุบเหวขุนเขาทั้งใหญ่น้อย
ผ่านล่องรอยสัตว์สากี่ขวากไหน
ก็จับมือกันและกันออกก้าวไป
เพื่อค้นหาเรื่องราวมากมายมาให้ชม….

ช่วงหนึ่งของชีวิตคน ช่วงหนึ่งของวัยหนุ่มสาว การเดินทางท่องป่าในชีวิตสักครั้งถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบางคน พวกเราก็เช่นกัน มันเป็นเรื่องท้าทายของใครบางคน มันเป็นเรื่องอันยิ่งใหญ่ของช่วงวัยชีวิต

คุณคิดดูสิว่า ครั้งหนึ่งคุณเคยมีเป้ แล้วแบกเป้ไปบนหลัง ถือมีดใบใหญ่ มีข้าวสารอาหารแห้ง มีกล้องถ่ายภาพ สวมรองเท้าผ้าใบท่องไปในไพรกว้าง ก่อกองไฟริมห้วย ด้านหนึ่งของคุณคือน้ำตกขนาดใหญ่ อีกด้านหนึ่งเป็นสายน้ำเย็นไหลกระเซนลงไปเบื้องล่างสู่ชุมชน สู่เมือง สู่มหานทีที่ยิ่งใหญ่ แล้วคุณแหงนกลับไปมองด้านหลังที่เป็นป่าใหญ่ทึบ รอบข้างกังวานไกลไปด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไร ก้องไกลไปพร้อม ๆ กับหัวใจคุณ คุณจะรู้สึกตื่นเต้น หวั่นไหว ประทับใจ วันนี้ผมมีความสุข…ผมได้นอนกลางดิน กินบนเปลนอน ใต้เงาไม้ใหญ่น้อย ขาดแค่คนรู้ใจไม่มีเคียงข้างในวันนี้ก็เท่านั้น แต่ผมก็ยอมแบกอคูเลล่หรือกีตาร์เข้าไป

ค่ำคืน ทุกครั้งที่เราเข้าป่า เรามีเรื่องราวมากมายมาเล่าสู่กันฟังรอบกองไฟ พูดคุยกัน เล่าเรื่องต่าง ๆ หัวเราะกัน ตรงหน้ามีหม้อสนาม เราเติมน้ำจากห้วย เมื่อน้ำในหม้อแห้งลง เราเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ เมื่อเริ่มมอด เราร่วมฟังบทเพลงของชายคนหนึ่งที่ชอบแต่งเพลงมาร้องให้เราฟัง ผมก็ชอบเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เป็นบทกวีฝากไว้ ผมชอบเขียนเพลงแต่งเอาไว้ให้กับทุก ๆ พื้นที่ที่ผมไป แต่สิ่งหนึ่งที่เรายินดีรับและเรามีให้แก่กันมากที่สุดคือ ความเชื่อใจ ไว้วางใจ เพราะ เราคือเพื่อน มันคือมิตรภาพระหว่างคนร่วมท่องไพร ไปด้วยกัน…

ในป่าไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่เท่ากับ “มิตรภาพ” แต่อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ปากท้อง ผมมักพูดเสมอ “ผมไม่เคยปล่อยให้ใครอด ทุกคนที่ออกเดินไปกับผมจะต้องอิ่ม ต้องนอนหลับก่อนผม ผมต้องผูกเปลให้กับทุกคน กางผ้ายางกันฝนให้กับทุกคน ทำอาหารให้ทุกคนกินให้อิ่ม ทำให้เหลือ หาฟืนมาร่วมกันกกองไว้ให้ทุกคนอบอุ่นและปลอดภัยในทุกวันและราตรี”

…วันนี้เราออกเดินทางเกือบบ่าย 3 โมงเย็นเพื่อหาซื้อกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไปฝากพี่บรรจบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ เพราะเราเข้าไปหาแกบ่อยมาก และขนมนมเนยมากมายอีกเช่นกันที่เราต้องหาไปติดไม้ติดมือเพื่อเอาไปแจกให้กับเด็ก ๆ ในชุมชน เด็ก ๆ บ้านหลังสุดท้ายที่เราเอารถเข้าไปฝากเขาไว้ก่อนจะออกเดินเท้า

เรานัดกันเจอกันล้อหมุนแต่เอาเข้าจริงก็ออกเกือบบ่ายสามโมง มันก็เป็นเรื่องปกติของเราไปเสียแล้ว การเดินทางกลางคืนของกลุ่มมาลัยดาวเป็นเรื่องเล็กไป ใครที่เคยใช้ชีวิตในป่ากับผมจะเข้าใจและสัมผัสข้อนี้ดี การเดินป่าที่น่ากลัว ขนลุก หวาดหวั่นที่สุดคือเดินกลางคืน แต่สิ่งเหล่านี้เราสัมผัสได้แต่ความห่วงหา ความสามัคคี ความไว้ใจและการแลกมาด้วยความสุข แม้จะหวาดหวั่นและขาดกลัวในบางหุบเหวและแง่เงาของพกฤษ์ไพร

เราออกเดินทางถึงที่หมายเกือบ 2 ทุ่มและเริ่มทำอาหาร การเคลื่อนที่จรยุทธฺในครั้งนี้ดูเร็วกว่าทุกครั้งเพราะหนนี้เราไปทำงานกันแค่ 4 คน ตลอดเส้นทางการเดินทางเราก็เก็บภาพถ่ายวีดีโอสารคดีพร้อม ๆ กับเก็บภาพนิ่งมาฝากเพื่อน ๆ เป็นระยะ ๆ กิจกรรมในการเดินทางครั้งนี้มากมาย สาระมีจนเราเรียกว่า “ข้อมูลทางกายภาพ ข้อมูลภาพ บทสัมภาษณ์ เส้นทาง เนื้อหา โดยภาพรวม เราไม่น่าจะต้องกลับมาอีกครั้ง”

อาหารของมื้อค่ำ มี 5 เมนู คือ หลามเนื้อ หลามไก่ ต้มยำข่าตระไคร้ไก่ ยำปลาทูน่า และผัดเผ็ดปลากระป๋อง ตามด้วยน้ำเย็น ๆ จากลำห้วยที่ตักขึ้นมาแล้วก็ยกซดดับกระหายได้เลย ผมคงไม่ต้องแบกน้ำขวดละ 10 บาทเข้าป่าครั้งละหลาย ๆ ขวดแบบคนโง่เขลา …

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเราก็ล้อมวงกินข้าว เสร็จจากทานข้าวก็เริ่มกิจกรรมทำคบเพลิง ถัดไปก็ส่องสัตว์ตามจุดต่าง ๆ ค้นหาแมงกลางคืน ไปนั่งซุ่มดูสัตว์จากโพรงถ้ำออกหากิน ไปดูกุ้งภูเขาเต้นระบำใต้น้ำ ไปดูคางคกยักษ์ (กง) หรือจิ้งโคร่ง (คางคกภูเขาตัวใหญ่) มากมาย ไปแอบส่องตากบทูดแล้วก็กลับมานั่งสรุปเนื้อหาโดยรวมของงานทั้งหมด…

เราสรุปงานเสร็จก็ช่วยกันกางเปลผ้าใบรอบกองไฟ นั่งบรรเลงเพลงให้ของ พี่บรรจบ “หัวอกเดียวกัน” เป็นเพลงที่แกเขียนขึ้นใหม่ เราชอบและเราก็ชอบฟังเสียงของแก ความซื่อ ใส ตลกของแกทำให้เราเหล่าผู้ร่วมเดินทางไม่เคยเบื่อ

น้องเด่น ช่างภาพของรายการผม ไม่สบายอย่างหนักเมื่อค่อนราตรี จันทร์เสี้ยวของคืนเคลื่อนที่ตรงหัว เราเริ่มหายาให้น้อง กางเปลให้ เมื่อบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับความรู้สึกจบลง…

ประมาณตีสามกว่า เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น น้องบอลอยู่เวรทั้งคืน พลันนั้นต้นไม้ที่เราผูกเปลก็ล้มลงมาเกือบเข้ากองไฟ ที่มันล้มเพราะเราเอาเชือกเปลผูกมันเสียจนรับน้ำหนักไม่อยู่ พี่จบก็ตกเปล น้องเด่นย้ายไปนอนอีกต้นไม่คู่หนึ่งเปลก็ขาด ผมก็เลยต้องลุกและให้น้องมานอนแทนที่

มันเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เราแลกเปลี่ยนกันได้

สาย ๆ จากที่เคยมีแดดก็พลันเปลี่ยนเป็นลมกรรโชก และแรงขึ้น ๆ ไม่มีวันไหนที่ผมเข้าป่าแล้วม่เจอฝน พี่ขบกับชาวบ้านบ่นกับผมหลายหนว่า ผมเข้าไปในป่าในพื้นที่หมู่บ้านเขาทีไรหอบเอาฝนมาด้วยทุกที ผมก็ได้แต่หัวเราะ ที่สำคัญครั้งนี้ผมเปียก ทุกคนเปียก เราเดินออกมาจากป่าเพราะเหตุผลแรกคือ น้องเด่น ช่างภาพของผม ไม่สบายอย่างหนัก เหตุผลถัดมาคือ งานเราเสร็จแล้ว เหตุผลที่สามคือ หนีฝน เหตุผลสุดท้าย อุปกรร์ต่าง ๆ เปียกหมด และใครจะไปคิดว่าฝนจะมาตกในวันที่แดดมีมากมายอย่างนี้

ก่อคเณศ รุ้งสันเทียะ
มกราคม 2556

ฝนตกหนักมาก กล้องเปียก อุปกรณ์เปียก โทรศัพท์สื่อสารเปียก สรุปเปียกกันทั้งหมด
เดินทางกลางพงไพร
ตั้งแคมป์พักแรก