ร่ายพัฒนา

โอม…ละลายมหาละลายควายเขาระฟ้า บ้าเลือดเดือดดุตาประทุเป็นเปลวเพลิง เคี้ยวดินกระเจิงอยู่คะคึกคะคึก เขมือบป่าลึกอยู่คะโครมคะโครม โฉมหน้าฉุบวมสวมชาติหิรัณยักษ์ แหกหักมหาอวิจี ผุดปฐพีมาเกิด ฟื้นกำเนิดจากรามเกียรติ์ จากภาพเขียนกลียุค บุกบุ่มบ่ามห่ามห้าวก้าวสามขุม ป่าวชุมนุมไพร่หลขนสมุนมาระรี่ ปรี่มาระรั้ง ตั้งโห่สามลา บา…กูจะราญผลาญพระนคร อมรรัตนโกสินทร์สยาม สวาปามแผ่นดินไทย…โอม…

ด้วยเดชทมิฬหินชาติอำนาจเผด็จการหาญหัก
ถือคธานำหน้าพลพรรคขุนยักษ์ไล่ม้วนแผ่นดิน

ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร จะม้วนให้สิ้นหรือดินดอน ไว้กอดเมื่อตอนเข้าโกศเอย

โคลงสี่สุภาพ 
กรุงสยามยุคคลั่งเพ้อพัฒนา นี้ฤๅ
ทวยราษฎร์หานาหายากแท้
ทรราชสิสู้…บาบานเบิก
หลายหมื่นไร่แประแปร้ข่าวคลุ้งคาวฉาว ฯ
  
โคตรเหง้าเขาโก่นสร้างสมัยใด มาฤๅ
จึงที่ทางมีไกลกว่ากว้าง
กินเมืองชั่วอึดใจกินจุ จังพ่อ
เสวยป่าดั่งพญาช้างชั่วช้ามัวมัน ฯ
  
ป่าสงวนหลายป่าสิ้นสูญพันธุ์
เขียวแต่นอกในฟันบ่ได้ (ไว้)
ส่วนปากเปล่งคำขวัญสวยสด
“ใครโค่นใครตัดไม้แม่นแท้ทำลายไทย” ฯ
  
กลอนหก 
ไร่นาป่าดงพงพฤกษ์ขุนศึกเขมือบสิ้นกินดิบ
ทุ่งนาป่ารัฐกูริบโอนกันงุบงิบง่านงก
หวดซ้ายป่ายขวาอ้าปีกคนหลีกกลัวหงอคอตก
สมบัติรัฐถ่ายย้ายยกเข้าพกขุนทัพวับแวม
ตรงนี้ดีหวานากุ้งโน่นทุ่งเลี้ยงสัตว์ชัดแจ่ม
ไร่-สวนชวนลิ้มยิ้มแย้มโน่นเหมืองฮะแอ้ม…อมไป
กฎหมายบ่งเขตเกษตรกรรมห้ามทำเกินห้าสิบไร่
กฎหมายเฮงซวยขวยใจเก็บไว้ทำไมเลิกมัน
บังคับรับซื้อยื้อแย่งหิวดินหูแดงตัวสั่น
พัฒนาบ้าบุกทุกวันสวาปามแบ่งปันเปรมไป
มีเสียงเถียงทานค้านนิดยิ่งฟิตเมาหมัดฟัดใหญ่
ผืนดินสิ้นแคว้นแดนไทยของใครของกูผู้เดียว
“ผมชอบ, ผมชอบ, ผมชอบ”เขาตอบคนเถียงเสียงเขียว
อ๋อแน่…แปลว่า “อย่าเทียวเสือกนักไอ้เนี้ยวเดี๋ยวตาย”
คราวคลั่งตั้งฟาร์มยามเห่อแทรกเต้อร์หลวงมากหลากหลาย
ยืมไปใช้พลางต่างควายทหารมากมายเกณฑ์มา
ทำไร่ให้กูอยู่เวรรัฐเกณฑ์กูใช้…ใครว่า ?
รัฐหรือคือกู…ดูอาบิ่นบ้ามันเมาเอาการ
ถนนชลประทานงานใหญ่เข้าเหมืองเข้าไร่ “ของท่าน”
เงินหลวงเงินราษฎร์อานโครงการพัฒนาเพื่อกู
  
วิชชุมมาลาฉันท์ 
หลายปีดีดักในปลักเผด็จการ
มวลชนจนอานนับล้านครอบครัว
ไร้ที่ทำกินไร้ดินของตัว
ไร้ที่ซุกหัวอา…ดังยุคหิน
โอ้อกอนาถชนชาติชื่อไทย
เจ้าของชาติไร้กรรมสิทธิ์ที่ดิน
ที่ทุกฝ่ามือชื่อไทยทั้งสิ้น
แต่ไทยทำกินต้องเช่าที่ไทย
ไทยแทบทั้งชาติเป็นทาสค่าเช่า
ชื่อไทยแต่เผ่าดินเล่าชื่อใด
ค่าเช่าแบ่งครึ่งดูดดึงเอาไป
อานี้เป็นไทยเป็นทาสที่ดิน
ถึงทุ่มแรงกายดั่งควายดั่งวัว
ค่าเช่าติดตัวบ่รู้หมดสิ้น
จากทวดถึงปู่ต่อสู้ทำกิน
คงไร้ที่ดินเป็นทาสความจน
  
ยานี 
คนไทยเจ้าชื่อไทยบ่เป็นไทดั่งชื่อชน
ชื่อไทยที่เรียกตนจะเย้ยตัวจนยามตาย !
 หุย…ฮา !…ฮา…!!
กลอนแปด 
แต่ยังก่อน… 
ความหลังพริ้มพรั่งพราวเหมือนดั่งเดือนฉาย
ดั่งน้ำทิพย์ลิบชะโลมโพยมพรายเป็นฝนปรายหยาดชื่นบนผืนใจ
ถึงความทุกข์รุกล่าอาฆาตคลั่งแต่ความหวังสิยังมั่นไม่หวั่นไหว
ด้วยความหวังดั่งโสมโลมหทัยคือโคมไฟจ้ากระจ่างกลางราตรี
ถึงไร้ดินถิ่นทองเป็นของข้าจะบุกหน้าหาญหักด้วยศักดิ์ศรี
จะถางดงพงชัฏในปัฐพีชุบชีวีป่าให้ชื่นเป็นผืนนา
จะปั่นกรอทอพรมทองห่มท้องทุ่งขยายคุ้งคืบไปด้วยใบกล้า
ทุ่งจะเหลืองเรืองรองดั่งทองทาทั้งแหล่งหล้านี้จะลือเพราะมือคน !
ด้วยเรี่ยวแรงแกร่งกล้าเหินฟ้าฟาดก้องประกาศทายท้าเวหาหน
จงเทวาฟ้าดินได้ยินยลด้วยมือคนป่าจะราบดั่งปราบดา !
ด้วยสองแขนแสนแกร่งแรงฉกาจด้วยเหงื่อหยาดเย้ยแดดที่แผดกล้า
จึ่งป่าร้างถางระรื่นเป็นผืนนาแต่แล้วอา…ก็ถูกผีแย่งที่ดิน
“ที่ตรงนี้ดีนักกูรักเว้ยขับไอ้เชยออกไปเสียให้สิ้น
ใครดื้อแพ่งแข็งข้อเจ้าธรณินทร์ให้มันกินลูกปืน…ให้ชื่นสะดือ !”
 เออ ! ลูกปืน…ลูกปืน…ให้ชื่นสะดือ!
จำจากต้องจำพรากนาแก้วเสียแล้วหรือ
เผด็จการพาลกระชากไปจากมือดังยุดยื้อใจข้าเชือดเลือดรินริน
โอ้เนื้อดินสิ้นทั้งนาของข้าเอ๋ยเหงื่อข้าเคยไหลอาบกำซาบสิ้น
เป็นน้ำเลือดเดือดแค้นเคล้าแผ่นดินอา…เจ้ากินเลือดข้าประชาชน !
วิมานทรายครืนทลายทบท่าวจากหาวหน
โอ้ความหวังอลังการวิมานมนต์มาล่อคนพอให้คลั่งก็พังครืน
เหมือนน้ำฟ้าคราฟ่องคะนองฟาดปานจะหยาดพรมรินให้ดินชื่น
ครั้นดินแห้งแล้งแลชะแง้ยืนลมสิกลืนเมฆลับไปกับตา
ท้อแท้…จะพ่ายแพ้งอมือฤๅ…อหา !
จะยอมซบสยบราบกราบบาทาอนิจจา…ง่ายดายไม่อายคน !
ต่อสู้ไผสิอยู่อย่างสยบซบกับส้น
ถึงเกือกเหล็กกระทืบทับแทบอับจนเอาหัวชนฝาสู้อยู่อย่างไท
เขาจึงสู้อยู่อย่างคนบนแผ่นดินพิทักษ์ถิ่นไว้ด้วยเลือดอันเดือดไหม้
ตายก็ฝัง-ยังก็อยู่สู้ต่อไปให้ลือใจคนกล้าทั้งธาตรี !
  
กลอนบทละคร 
โกรธเอยโกรธง่านเผด็จการบ้าเลือดเดือดฉี่ฉี่
“เหวยเหวยสันติบาลจัดการทีไอ้พวกนี้คอมมิวนิสต์คิดล้างไทย
“ชาติไทยนั้นหรือก็คือกูมาต่อสู้อย่างนี้ได้ที่ไหน
“ล้างกูก็เหมือนอย่างมันล้างไทยจับใส่คุกให้สิ้น…เอาดินมา !”
 ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า…เอาดินมา !
  
ยานี 
นี้ฤๅคือยุคใหม่ยุคแห่งไทยพัฒนา
ยุคเลือดเชือดประชายุคปีศาจปล้นชาติไทย
แต่คนย่อมเป็นคนถึงยากจนก็รวยใจ
รวยแรงที่แกร่งไกรจะต่อสู้ศัตรูคน
กูไทยต้องเป็นไทยจะเป็นทาสบ่ยอมทน
“ชื่อไทยที่เรียกตนจะเย้ยตัวจนยามตาย !”
ถึงแพ้สักสิบแพ้บ่ท้อแท้จะท้าทาย
สู้ใหม่อย่างไว้ลายให้โลกลือกูคือไท
  
โคลงสี่สุภาพ 
ไทย ไท คำนี่อ้าอัศจรรย์ จริงเอย
เป็นชื่อชาติชนฉกรรจ์กาจแท้
ไทยทนแก่อาธรรม์เป็นทาส มีฤๅ
มีแต่ยืนผงาดฟ้าไล่ล้างอาธรรม์ !

กวีการเมือง (จิตร ภูมิศักดิ์)
จิตร แอบส่งบทกวีนี้ จากคุกมาลงหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย เมื่อ พ.ศ. 2507 หลังจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ เสียชีวิตไม่นาน ภายใต้นามปากกา “กวีการเมือง” ต่อมาได้มีผู้นำมาลงพิมพ์ในวารสาร “เศรษฐกร” พ.ศ. 2514