เปรียบฝนที่หล่นสาย
ก็เปรียบได้ดังฝนกรด
เปรียบน้ำที่หลั่งรด
ได้ดั่งหยดหยาดน้ำตา
หากฟ้าที่มองเห็น
ก็เปรียบเช่นดั่งเดนฟ้า
ถ้าหากแม้นมีเทวดา
ก็คลั่งบ้าอำนาจตน
หากเสียงที่แสร้งเศร้า
ก็เสียงเจ้าผู้ฉ้อฉล
ถ้าว่าเสียง…ที่เศร้า…จนสุดจะทน
ก็เสียงคน ผู้ถูกคุกคาม
หากถามความจริงนั้น
ก็ป่วยการที่จะถาม
หากจะหา ความเลวทราม
ก็โปรดถาม…ผู้ที่มาย่ำยี
ที่นี่…ที่ฉันเห็น
ก็มีให้เห็นไม่ต่างนี้
เห็นคนแก้ แค่ขอไปที
เห็นแต่ความอัปรีย์ ของปากกระบอกปืน
ฉันเห็น…เจ้าบ้านถูกเชือดเฉือน
ฉันเห็น…ผู้มาเยือนที่กระหายหื่น
มือที่เห็น…ฉันเห็น…เขาถือปืน
สิ่งที่เขาหยิบยื่น คือความหวาดกลัว
ฉันเห็นความเป็นไปในที่นี่
ดั่งม่านฟ้าในราตรีที่มืดสลัว
ผืนแผ่นดินกรีดร้องระส่ำกลัว
เพราะเสียงระรัวของกระสุนปืน
คงไม่เกินคำฉันเปรียบ
ด้วยเสียงเรียบๆที่ขมขื่น
เพราะที่ที่ฉันยืน
ดอกไม้ที่จะหยิบยื่น นั้นเปล่าดาย
อยากให้เห็นกับตา
ที่ฉันว่าใช่คำมักง่าย
เพียงว่าอย่างมงาย
กับสื่อทั้งหลายที่บิดเบือน
ฉันไม่อยากจะเล่าต่อ
ใช่ตัดพ้อเพราะผิดเพี้ยน
แต่อยากให้เธอไปเยี่ยมเวียน
สู่ที่ที่ฉันเขียน ด้วยตัวเธอ
ฉันไม่อยากจะเล่าต่อ
ใช่ว่าตัดพ้อการนำเสนอ
แต่สิ่งที่ฉันได้ผ่านแหละพบเจอ
เกินกว่าจะเล่าสู่เธอ…ด้วยปลายปากกา
ส.ลมพา
จากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ (โครงการลงพื้นที่ จัดโดย สนนท.), ธันวาคม 2550