วันที่ฉันขึ้นมาจากเหวลึกได้ เสมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง…
บาดแผลร่องรอยการบาดเจ็บยังคงปรากฏ… แต่แผลภายในบอบช้ำยิ่งกว่า…
กระนั้นมันสิ่งเดียวที่เตือนใจให้รู้รสถึงความเจ็บปวดจากการถูกกระทำ
ฉันแหงนมองหน้าผาสูงชัน หวนนึกถึงวินาทีที่พลัดตกลงไป…
ความจริง เหวลึกกับตึกสูง เป็นสิ่งที่ฉันหวาดกลัวและเฝ้าระวังระไวมาโดยตลอด แม้บรรยากาศในเวิ้งเหวนั้นสวยราวกับสรวงสวรรค์ แต่ฉันก็ขี้ขลาดพอ ไม่กล้าแม้แต่จะมองมันอย่างเต็มตา เพียงแค่ หลับตา สูดกลิ่นไอบริสุทธิ์ของความงาม ก็พลอยชื่นใจ…
หากชีวิตคือการเดินทาง ฉันเป็นคนหนึ่งไม่เคยไว้ใจใครหมู่นักเดินทาง คติบทหนึ่งที่มักจะท่องจำขึ้นใจอยู่เสมอ คือ ฉันจะไม่ยืนบนหน้าผาสูง ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้มมือเด็ดดอกไม้ป่าที่ชูคออวด และฉันจะไม่ไว้ใจคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
กระทั่งวันหนึ่งของการเดิน จนได้มาพบกับใครหนึ่งคน เขาช่างเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่แสนดี คอยดูแลระหว่างทางขึ้นเขา หนัก เบาคอยไต่ถาม เราคอยดูแลกันและกันยามอีกฝ่ายมีไข้ มันเป็นการเดินทางที่วิเศษณ์สุดบนทางที่ร้างไร้ผู้คนเช่นนี้ เขาเหมือนพี่ชายที่ฉันเคยคิดอยากจะมี..
ฉันได้มีเพื่อนร่วมเดินทาง …ได้กินอิ่ม และได้นอนหลับอย่างเต็มตา… เราเดินทางมาไกลแสนไกล จนถึงหุบเขาลูกหนึ่ง? ฉันบอกกับพี่ชายว่า ฉันชอบเวิ้งเหวนั่น ฉันชอบทะเลหมอก… พี่บอกให้ลองชะโงกดูเบื้องล่างที่มีทิวทัศน์สวยงาม จะรู้สึกสดชื่นกว่า ฉันลืมไปว่า …ฉันกลัวความสูง.. เพราะความอุ่นใจจะมีพี่ชายคอยระวังหลัง หากฉันพลาดพลั้งเมื่อไหร่พี่ชายจะคอยยื่นแขนที่กำยำมาเกี่ยวไว้ จะมีใครคอยเตือนว่า ยืนดี ๆ นะ ตรงไหนที่ชะง่อนหินมันจะหัก…อย่าก้าวไป ยืนดี ๆ นะระวังตก…
ฉันค่อย ๆ ก้าว…ก้าว..ไปทีละก้าว แม้ตายิบหลับ ด้วยความกลัว แต่กลิ่นความสดชื่นลอยมากับสายลมที่ปะทะดวงหน้ามันยั่วยวนให้ฉันก้าวต่อไป…
แต่ยังไม่ทันจะสูดมันเข้าเต็มปอด… ร่างของฉันก็พลันลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ดิ่งลงมาตามแรงโน้มถ่วง ร่างกายบางส่วน ถูกกิ่งไม้ครูดลากเกิดแผลเป็นทางยาว บ้างกรวดหินที่ร่วงหล่นตามมา กว่าร่างของฉันกระทบพื้นดินก็สะบักสะบอม ทุกอย่างเงียบสนิทไร้ศัพท์สำเนียง ไร้เสียงความเคลื่อนไหว
นี่ฉันตายไปแล้วหรือ…
เปล่า…ฉันยังเหลือลมหายใจที่แสนแผ่วเบา
ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าค่อยๆ ร้อยเรียงขึ้นมาในหัว เหตุใดฉันจึงตกลงมาอย่างไร้มือที่แข็งแรงคอยเกี่ยวไว้ ฉันพยายามคิดว่า ฉันพลาดตกลงมาเอง อาจมีหินซักก้อนที่มันลื่นพาฉันเสียหลัก… หากแต่มันไม่ใช่ เพราะคล้ายกับมีมือหนึ่งผลักฉันตกลงมา
พระเจ้า!!! พี่ชายที่ฉันรักผลักฉันตกลงมาหรือนี่?
ในหัวพรั่งพรูขึ้นมาด้วยคำถาม ฉันงุนงงกับเหตุการณ์ เหตุใดคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด จึงทำกับฉันได้อย่างเจ็บปวดที่สุด ทำไมฉันไม่ตายไปจริงๆ ทำไมต้องตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงที่เจ็บปวดแบบนี้ ฉันค่อยๆ ปล่อยร่างกายทรุดลงด้วยความอ่อนแรง ร้องไห้จนน้ำตา หยดสุดท้าย ฉันอยากตายอยู่ใต้ก้นเหวนี้ แต่คล้ายกับได้ยินเสียงตะโกนลงมาก้นเหวว่า
“โลกนี้เป็นโลกแห่งความจริง เรามีเวลาเจ็บปวดไม่นาน …”
ใช่!!! เจ็บปวดไม่นาน
ฉันจึงตื่นขึ้นมารวบรวมเอาพลังและลมหายใจเฮือกสุดท้าย ปีน ไต่ ฝ่าภยันตราย ไปตามหาผู้ชายคนนั้น เด็กผู้หญิงไร้เดียงสา…ตายไปแล้วในวันที่ถูกพี่ชายของตนเองฆ่า!!! และพี่ชายของฉันก็ตายไปจากหัวใจแล้วในวันนั้น… ทั้งที่คิดว่าได้เดินทางจากบ้านมาแล้วไกลแสนไกล.. แต่ความจริงฉันยังคงยืนอยู่ในประตูบ้านที่ไม่เคยแง้มเปิดรับความจริงเลยซักวัน ฉันจึงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ โลกนี้ไม่ใช่ที่ของคนช่างฝัน แต่มันคือโลกแห่งความจริง และฉันจะออกเดินทางไปค้นหาความจริงว่า พี่ผลักฉันลงไปทำไม? และฉันอยากจะบอกเว่า….ฉันเสียใจเท่านั้นเอง
เด็กผู้หญิงช่างฝันก็กลับไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน และยังคงเก็บพี่ชายที่แสนดีไว้ในหัวใจเสมอ
ธิดามนต์ พิมพาชัย
ใครใคร่ฝัน ควรได้ฝันเพราะมันหอม
ใครจะยอมความจริงก็ใจเขา
เราจะลองเปลี่ยนความจริงอย่างใจเรา
โลกใบเก่าแต่เราเห็นต่างมุมกัน
ขอเอาบทกลอนที่ชอบมาแลกเปลี่ยนให้อ่านนะครับ
ใช่เราจะเจ็บปวดไม่นาน เพราะตอนนี้เราอยากพักเหลือเกิน เราเหนื่อย เราท้อและท้ออย่างที่สุดด้วยขอเราพักหน่อยนะ ภายนอกอาจดูเหมือนเข้มแข็งแต่จริง ๆ แล้วเราอ่อนแอเป็นที่สุด ถ้าเราจะตัดสินใจโง่ ๆ บางอย่างลงไป เราก็ยอมรับในการทำอัติถวิบากกรรมของเราเองขอโทษ ที่เราไม่ใช่คนสู้ชีวิตสมกับที่มีคนคอยให้กำลังใจ