
เพื่อนเก่าแวะมาเยี่ยมเยือนที่บ้านบางจาก เราสองคนห่างหายกันไปนานแล้ว นานจนเกือบลืมว่ามีเพื่อนคนนี้อยู่ นานจนเรารู้ว่าในสิ่งที่ขาดหาย ยังมีความโหยหาถึงกัน
น้ำสีทองมีฟองผุดพรายแก้วแล้วแก้วเล่า เสียงพูดคุยเรื่องแล้วเรื่องเล่า (และเหล้า) เราไม่เคยอิ่มที่ได้สนทนากัน เพื่อนเล่าให้ฟังว่าได้ห่างหายไปทำงานที่ต่างจังหวัด ประมาณว่าเจ้าหน้าที่สำมะโนประชากรอะไรนั่นแหละ คือสำรวจ ขุดคุ้ย วิจัย (แต่ไม่วิจารณ์ 555) กีต้าร์ตัวเก่า ถูกหยิบขึ้นมาบรรเลงคลอไปด้วย
เรื่องหนึ่งที่เราคุยกันคือภาพจากวีดีโอ “มหันตภัยสึนามิ” (ซูนามิในภาคของน้าแอ๊ด.. HA) ภาพความช่วยเหลือ การเคลื่อนย้ายแต่ละศพ โดยน้ำมือและน้ำใจชาวมูลนิธิ แม้จะดูด้วยความห่อเหี่ยว แต่ก็ยังอิ่ม อิ่มในน้ำใจที่ปรากฏ ไม่มีการเลือกว่าศพชาวไทยหรือต่างชาติ เด็ก ผู้ใหญ่ เน่าหรือไม่เน่า ทุกศพได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน คือยกขึ้นมาห่อด้วยผ้าขาว แล้วก็นำไปไว้ที่วัด ดูเรียงรายระเกะระกะ แต่ก็มีระเบียบอยู่ในที
ศพมาจากมากมายหลายที่เหลือเกิน แต่เท่าที่ทราบ “มอแกน” (หรือ มอเก็น) ไม่มีใครเสียชีวิตเลย เป็นไปได้หรือเนี่ย ที่พักอาศัยอยู่ติดทะเลแท้ ๆ แต่ทุกคนรอดหมด อะไรคือเหตุ อะไรที่เป็นผลหนอ…..
มีคนเล่าว่า เมื่อรุ่งเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 …น้ำทะเลลดลงมากผิดปกติ นักท่องเที่ยวมุงดูด้วยความตื่นเต้น แต่ชาวมอแกน…ไม่…..เสียงตะโกนโหวกเหวกให้รีบวิ่งขึ้นเขา ทุกคนปฏิบัติตาม นักท่องเที่ยวที่ยังงง ๆ แต่เมื่อทุกคนวิ่ง ก็จำต้องวิ่งด้วย วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่รู้ว่าวิ่งทำไม อีกเพียงครู่เดียว …คลื่นบ้าระห่ำก็สาดซัดเข้ามา สาดเข้ามาราวโกรธเกรี้ยวต่อสิ่งกีดขวาง ทุกอย่างพังทลายหายไปในชั่วเพียงเสี้ยวนาที…..
เราพูดคุยถึงเพลงพิเศษ “ซูนามิ” ที่น้าแอ๊ดแกรีบแต่งรีบร้องออกมา หากฟังแบบไม่คิดอะไร ก็เป็นเพลงที่ไพเราะเพลงหนึ่ง เท่าที่คน ๆ หนึ่งจะนั่งจินตนาการได้ น่าเสียดายที่เพลงนี้บรรยายบรรยากาศในขณะนั้นผิดไป ทำให้คุณค่าของเพลงหายไป รวมถึงศรัทธาอีกส่วนหนึ่ง
มีเพลงของคาราบาวในยุคกระหึ่มเมืองอยู่เพลงหนึ่ง ที่อาจนำมาอธิบายปรากฏการณ์ของชาวมอแกนได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าชาวมอแกนกลุ่มนี้ เป็นลูกหลานว่านเครือของ “เฒ่าอ่ำ” ผู้เคยสละชีพกลางท้องทะเล ด้วยทางเลือกที่มีเพียงสองทาง จำต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้น หากเทียบความยิ่งใหญ่ระหว่าง เฒ่าอ่ำ กับตาเฒ่า เฮมมิ่งเวย์ คณะกรรมการคงตัดสินลำบากยิ่ง เพราะคะแนนคงสูสีกันเหลือเกิน
เฮมมิ่งเวย์ มีชีวิตรอดเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ ส่วน เฒ่าอ่ำ ฝากร่างกายไว้ในผืนทะเล เพื่อส่งผ่านประสบการณ์ให้คนรุ่นหลัง ดังเช่นชาวมอแกนประสบอยู่ก็เป็นได้
โดยตัวผมเองชอบเนื้อเพลง “เฒ่าทะเล” มาก เพราะเป็นเพลงที่เนื้อร้องยาว ประดุจอ่านเรื่องสั้นชั้นดีเรื่องหนึ่ง มีที่มาที่ไป มีจุดเริ่ม มีพัฒนาการ มีภารกิจในระยะเวลาที่บีบคั้น มีการใช้ทฤษฎีความแตกต่างมาเขียนเพลงนี้ ขอบอกว่าเพลงนี้ ธีม (Theme) สวยมาก เราลองเอาเนื้อเพลงมาศึกษาด้วยกันนะ
เฒ่าทะเล
คำร้อง : ยืนยง โอภากุล
ทำนอง : ปรีชา ชนะภัย, ยืนยง โอภากุล
เฒ่าอํ่าลูกเลเมืองใต้ พํานักอาศัยอยู่ชายฝั่งทะเล
เติบโตมากับเรือตังเก อาชีพชาวเลเป็นชาวประมง
สมบัติคือเรือลําเก่า อายุรุ่นราวรุ่นคราวคนเฒ่า
หาปลาตั้งแต่ค่ำยันเช้า งานหนักงานเบาเฒ่าอํ่าไม่ถอย
ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านสมุทร เรื่องราวมนุษย์ได้เคยฟันฝ่า
เฒ่าอํ่าคือชายหาปลา เหนือโชคชะตาด้วยการกระทํา
เฒ่าเลโชกโชนชีวิต เรียนรู้ถูกผิดจากมหาสมุทร
ว่าคนเราย่อมมีวันสิ้นสุด อันชีวิตมนุษย์มีระยะเวลา
ฤดูกาลผลัดกันมาเยือน ไม่สะทกสะเทือนสายลมแสงแดด
อายุปาเข้าไปหลักแปด ออด ๆ แอด ๆ ของธรรมดา
ลุงแก่เรือตังเกเก่า รอยรั่วรอยร้าวตามอายุขัย
สองสิ่งร่วมทะยานไกล ร่วมวันร่วมวัยจุดหมายเดียวกัน
วันอุกาฟ้าเหลือง ทะเลสะเทือนสายลมเป็นบ้า
แต่เฒ่าอํ่ายังยํ่าใจออกหาปลา มันคือค่ายาค่าพยาบาล
อันชีวิตชาวประมงจน ๆ อยู่ด้วยความอดทนแล่นไปข้างหน้า
จุดหมายย่อมหมายชีวิตปลา ไปนํากลับมาเลี้ยงชีวิตคน
ถึงลมฝนกระหนํ่าซํ้าเติม หนาวสั่นสะเทิ้มท้าทายคนกล้า
ผู้เฒ่าก็รู้อยู่เต็มอุรา หนทางข้างหน้าเป็นได้สองทาง
ทางหนึ่งรอดกลับมาถึงฝั่ง อีกทางหนึ่งฝังร่างลงกลางทะเล
ชายเฒ่ากับเจ้าเรือตังเก หันหน้าออกทะเลไม่เห็นคืนมา
มรสุมพัดผ่านพ้นไป ท้องฟ้าสดใสทะเลเงียบสงบ
ผู้คนยังถกเถียงกันไม่จบ ถึงผู้เฒ่าชราหายลงทะเล
เฒ่าอํ่าอําลาจากไป ไม่ใช่นิยายไม่ใช่วีรกรรม
ใครจะรู้ถึงการกระทํา ของผู้เฒ่าอํ่า ผู้เฒ่าทะเล
เห็นมั้ยครับ เนื้อหาของเพลงนี้ แม้เพียงนั่งอ่านเฉย ๆ ยังรับรู้ถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้ ยิ่งมีเสียงน้าเล็กหนวดงามด้วยละก็… สลดใจแท้ ๆ นี่อาจนับได้ว่าเป็นเพลงสึนามิภาคแรก อันเป็นผลงานของคาราบาวที่ผมขอคารวะด้วยใจ
ทิดโส โม้ระเบิด
*ข้อเขียนชิ้นนี้ ขอแสดงความเสียใจ แด่ครอบครัวผู้ที่สูญเสียจากคลื่นยักษ์สึนามิทุกท่านครับ ส่วนผู้ที่จากไป ขอให้ดวงวิญญาณจงไปสู่สุคติด้วยเทอญ…