ชาวปกาเกอะญอ หรือ กะเหรี่ยง นิยมใส่เสื้อผ้าฝ้ายทอมือมาแต่สมัยโบราณ แต่เดิมชาวกะเหรี่ยงจะปลูกฝ้ายเอง และนำฝ้ายมาปั่นเป็นเส้นด้าย ย้อมด้วยสีธรรมชาติ สร้างลวดลายด้วยการทอ ปักด้วยเส้นไหมและลูกเดือย ผู้หญิงชาวปกาเกอะญอจะถ่ายทอดภูมิปัญญาการผลิตผ้าทอ แก่ลูกหลานตั้งแต่อายุ 12-15 ปี โดยเริ่มจากแบบง่าย ๆ ฝึกฝนจนมีความชำนาญ จนสามารถออกแบบลวดลายได้ด้วยตนเอง

ลวดลายผ้าทอของชาวปกาเกอะญอ มีนิทานเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าได้มาจาก “ลายหนังงูใหญ่” ตัวหนึ่งซึ่งเป็นคู่รักในอดีตแต่ชาติปางก่อนของหญิงสาวชาวปกาเกอะญอ โดยงูใหญ่จะเปลี่ยนลายทุกวัน และหญิงสาวก็ทอผ้าตามลายที่ปรากฏจนครบ 7 วัน 7 ลาย แต่ลายที่นิยมนำมาทอและปัก มี 4 ราย คือ โยห่อกือ, เกอเป่เผลอ, ฉุ่ยข่อลอ และ ทีข่า ในปัจจุบันยังมีลายที่นิยมทอ คือ เกอแนเดอ หรือ ลายรังผึ้ง และ เซอกอพอ หรือ ลายดอกมะเขือ การย้อมสีธรรมชาติก็จะใช้เปลือกไม้ เรียกว่า ซาโก่แระ จะได้เป็นสีแดงแกมน้ำตาล ใบฮ่อม, เซอ, หย่า, เหล่า ให้สีน้ำเงินกรมท่า ผลสมอ ให้สีน้ำตาล และผลมะขามป้อมให้สีเทา เป็นต้น

ชาวปกาเกอะญอ สร้างสรรค์ลวดลายสีสันของผ้าทอ ตามสีสันของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว จึงมีความสวยงามและคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์โดดเด่น การนำเมล็ดเดือยซึ่งเป็นวัชพืชป่ามาปักบนผืนผ้า สร้างเป็นลวดลายสวยงามมีลักษณะเฉพาะ เป็นที่สะดุดตาแก่บุคคลภายนอก จึงนิยมซื้อหาไปสวมใส่และเป็นของฝาก ทำให้ผู้หญิงชาวปกาเกอะญอสามารถสร้างรายได้จากการผลิตผ้าทอ นอกจากทอผ้าไว้ใช้ในครัวเรือน ยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง