นี่เป็นครั้งแรก ในรอบหลายเดือนที่ได้เดินทางลงพื้นที่ และคงจะห่างหายจากการเดินทางไปอีกนานทีเดียว มหาสารคาม… สถานที่เดิม ๆ กับน้อง ๆ เด็กค่าย ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เห็นมีหน้าใหม่ๆ …
ธิดามนต์ พิมพาชัย
ค่ายเพลง…เพลงค่าย กับความหมายเดือนพฤศจิกายน (ธิดามนต์ พิมพาชัย)
ช่วงนี้มีเรื่องดี ๆ เข้ามาอยู่หลายเรื่อง เลยถือซะว่าเป็นรางวัลการใช้ชีวิตในเดือนพฤศจิกายน… สำหรับฉัน การได้มารู้จักกับเด็กค่ายกลุ่มหนึ่ง ที่ จ.สกลนคร ในค่าย “เพลงค่ายฯ เพลงชีวิต …
เพลงแรกในชีวิต… เกิดขึ้นที่นี่! (ธิดามนต์ พิมพาชัย)
ไม่น่าเชื่อว่า เพียงข้อมูลที่มาจากการขีด ๆ เขียน ๆ อย่างกระจัดกระจายตามหน้าสมุดบันทึกเก่าจะสามารถนำมาเรียงร้อยเป็นบทเพลงได้ ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะเขียนเพลงไว้คอยขับกล่อม ปลอบโยนกลุ่มนักกิจกรรมเมื่อยามที่อ่อนแอ ปลุกใจเมื่อยามที่ท้อถอย และชื่นชมเสมือนเป็นแรงใจให้มีพลังในการต่อสู้ …
แด่มนุษย์ผู้เดินตามฝัน …คนสร้างฝัน (ธิดามนต์ พิมพาชัย)
ด้วยความที่เคยคลุกคลีตีสนิทกับน้อง ๆ “ชมรมคนสร้างฝัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม” ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งจากการออกค่ายอาสาพัฒนาและการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ในความรู้สึกจึงเต็มไปด้วยความรักและความผูกพัน อีกทั้งความชื่นชมในความสามารถ ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน พอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ถ่ายทอดบทเพลงที่มีชื่อเดียวกันกับชมรมนี้ ตามโครงการเพลงค่ายฯ ความรู้สึกดีๆ …
เด็กหญิงช่างฝัน กับความทรงจำอันใหม่
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ… ได้ทุกเรื่องเลย เพื่อเป็นการไถ่โทษ ไถ่บาปหรืออะไรก็แล้วแต่… พี่ยินดีที่จะช่วย” เค้าเอ่ยแต่เพียงเท่านี้ฉันก็ใจอ่อน แถมสมองยังฝ่อ จำไม่ได้อีกว่าเคยเจ็บกับคน ๆ นี้มามากแค่ไหน …
เจ้าหญิงแห่งนัสเซา
คุณคงไม่รู้จัก “เจ้าหญิงแห่งนัสเซา” เหมือนอย่างฉันสินะ เค้าเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ร่างกายผ่ายผอม มอมแมม แถมผมเผ้าก็รุงรังอย่างกับไม่เคยรู้จักหวี นอกจากนี้แล้วใบหน้าน้อย ๆ …
ถ้าฉันยิ้มให้กับโลก
เค้าบอกว่า ฉันควรจะยิ้มให้กับทุกสิ่ง ยิ้ม …ยิ้ม และก็ยิ้ม วันนี้ฉันเลยย้อนถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งว่า “ฉันควรจะยิ้มให้กับสิ่งนั้น แม้มันจะทำร้ายฉันจนเจ็บปางตายดีมั๊ย?” บ้า !!!..โง่เง่า สิ้นดี… ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า …
โอ้ เจ้าดอกไม้เอย
– 1 – เมื่อวานมีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ สิ่งหนึ่ง เกิดขึ้นมาที่ลานหน้าบ้าน… ลานกว้าง ๆ ที่เคยถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่ามานานวัน …
บทกวี – เจ้านกขมิ้นสีเหลืองอ่อน
เจ้านกขมิ้นสีเหลืองอ่อนยามนี้จักร่อนรังนอนไหนโอละเห่เอย….หัวใจพ่อนกจากลาไกลมิหวนมา รอเจ้ากลับรังคอยฟังเสียงมานอนเคียงแนบ อก กก กอดข้าแม่นกร้างกลางหอชูคอหาโอ้ขวัญตาใยมิมาให้ข้าเชย สิ้นแสงแดดคราใดหัสใจข้าเฝ้าเพรียกหาแต่เจ้าอยู่ เหวย เหวยแดดลับรอนคงร่อนตกแล้วอกเอยโอ้คู่ขเนย ป่านนี้เจ้าเคล้าคลอใคร เจ้านกขมิ้นพเนจรป่านนี้จักร่อนรังนอนไหนโอละเห่เอยหัวใจเจ้าจากไป…ใยมิคืนหัวใจของข้ามา …
จดหมายถึงดวงดาว
พี่คะ… ฉันรู้สึกว่านานเหลือเกินที่เราไม่ได้พบกัน… อาจเป็นเพราะโลกของฉันมันหยุดนิ่งมานานเกินไป หัวใจมันอ่อนล้าเกินกว่าจะหยิบจับปากกาขึ้นมาขีดเขียน… ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ ภายใต้แสงของดาวดวงหนึ่ง เขียน… ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ามันจะเดินทางไปถึงพี่รึเปล่า …
ก็ได้…
เมื่อเธอบอกให้ฉันมา… ฉันก็มา (เพราะฉันเดินทางมาหาด้วยหัวใจ ฉันคิดว่าเธอกำลังเหงาและต้องการใครซักคน ฉันแอบดีใจด้วยซ้ำ ที่เธอยังเห็นฉันเป็นคนที่สำคัญ) เมื่อเธอสั่งให้ฉันไป… ฉันก็ยอมจากไปแต่โดยดี (เพราะฉันคิดว่า เธอคงอยากอยู่คนเดียวเพียงลำพัง เธอคงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง) ฉันเดินทางจากไป โดยเอาหัวใจและจิตวิญญาณฝากไว้ที่เธอ …
คุณเคยอ่อนแอบ้างไหม? แล้วจัดการตัวเองอย่างไรกับชีวิตในช่วงนั้น?
ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเข้มแข็งมากคนหนึ่ง เพราะฉันไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น และไม่ค่อยสะท้านสะเทือนกับอะไรง่าย ๆ ความอ่อนแอ อ่อนไหว นะเหรอ ถูกฉันกำจัดออกไปให้พ้นจากตัวมานานมากแล้ว หลายครั้งหลายคราที่การแสดงออกของฉัน (แววตาที่เฉยชากับคำพูดจาที่แห้งแล้ง) มันเผลอไปทำร้ายใครต่อใครเข้าอย่างจัง แต่ฉันก็ไม่เคยเอ่ยปากขอโทษใครง่าย …
เด็กญิ๋งช่างฝัน กับพี่ชายที่แสนดี
วันที่ฉันขึ้นมาจากเหวลึกได้ เสมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง… บาดแผลร่องรอยการบาดเจ็บยังคงปรากฏ… แต่แผลภายในบอบช้ำยิ่งกว่า… กระนั้นมันสิ่งเดียวที่เตือนใจให้รู้รสถึงความเจ็บปวดจากการถูกกระทำ ฉันแหงนมองหน้าผาสูงชัน หวนนึกถึงวินาทีที่พลัดตกลงไป… ความจริง เหวลึกกับตึกสูง เป็นสิ่งที่ฉันหวาดกลัวและเฝ้าระวังระไวมาโดยตลอด …