กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกบอยู่ฝูงหนึ่งกำลังพากันกระโดดเข้าไปหากินในป่าลึก

ทันใดนั้น! มีกบ 2 ตัวในฝูง พลัดหล่นลงไปในหลุมที่ลึกและกว้างมาก กบทั้ง 2 จึงพยายามกระโดดกลับขึ้นมา แต่ด้วยความลึกของหลุมจึงไม่สามารถกลับมารวมฝูงได้ง่าย ๆ

เวลาผ่านไป กบทั้ง 2 ยังคงพยายามพาตัวเองให้พ้นจากหลุมลึก แต่ดูความพยายามนั้นจะไม่เป็นผล จนบรรดากบทั้งหลายที่อยู่บนปากบ่อพากันส่ายหัวแล้วบ่นว่า สิ้นหวังเสียแล้ว ขึ้นมาไม่ได้หรอก เลิกความพยายามเถอะ มันสูงเกินไป มันลึกเกินไป

แต่กบ 2 ตัวนั้นมันก็ยังคงกระโดดครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางเสียงตะโกนลงมาไม่ขาดว่า เลิกพยายามเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก

ต่อมาไม่นาน เจ้ากบตัวหนึ่งเกิดความท้อใจ เลิกกระโดด แล้วมันก็ตรอมตาย

แต่กบอีกตัวมิได้สนใจ มันยังคงดิ้นรนพยายามกระโดดขึ้น ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น กระโดดแล้ว กระโดดอีก กระโดดแล้ว กระโดดอีก …

จนในที่สุด ความพยายามครั้งหนึ่งของมันสัมฤทธิ์ผล มันกระโดดขึ้นไป เอาขาคู่หน้าเกาะขอบบ่อ แล้วดึงตัวเองด้วยแรงสุดท้าย พาตัวเองขึ้นถึงปากบ่อจนได้ ทำเอาฝูงกบที่อยู่ปากบ่อทุกตัวต่างพากันงงงันว่า มันขึ้นมาได้ยังไง พากันถามเซ็งแซ่

“เจ้าขึ้นมาได้ยังไง? เจ้าทำได้ยังไงกัน?”

กบตัวนั้นไม่ตอบ ทำหน้างง ๆ แต่สังเกตสีหน้าของบรรดาเพื่อนกบได้จึงพอเข้าใจถึงความสงสัย เอ่ยปากพูดว่า “ข้าหูหนวก ข้าไม่ได้ยินเสียงใด ๆ แต่ข้าเห็นเพื่อน ๆ ปากบ่อต่างยกมือเชียร์กัน ให้กำลังใจ ข้าก็เลยมีแรงฮึดสู้และสามารถกระโดดขึ้นมาได้”

บางครั้ง… เราก็ทำเป็นหูหนวก ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างบ้างก็ได้ เพราะเสียงที่คนอื่นบอกมันเป็นเสียงจากความคิดและประสบการณ์ของเขา ซึ่งอาจจะเคยผิดหวัง ทำไม่ได้ อาจจะด้วยเพราะความพยายามที่ไม่มากพอ หรือด้วยเหตุปัจจัย เงื่อนไขอื่น ๆ ก็ตาม

การที่คนอื่นทำไม่สำเร็จ ไม่ได้แปลว่าเราจะทำไม่สำเร็จเหมือนเขา เราแค่ทำเป็นหูหนวก และลงมือทำมันเข้าไป พยายามมันเข้าไป สักวันนึงเราจะขึ้นถึงปากบ่อได้แน่นอน…