หลายคนคงได้เห็น และได้รับรู้ถึงข่าวคราว และข่าวคาว (ด้วยเลือด) ของดินแดนลังกาสุกะ หรือ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ท่านคงได้ยินได้ฟังกันอย่างคุ้นหู บางครั้งก็ทำให้ “คนใน” เองรู้สึกชินชากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าถามต่อไปว่า เป็นอย่างนั้นจริงหรือ รู้สึกเฉยๆ จริงหรือ

ฉันเองเชื่อว่า พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกชาชินอย่างคำพูดที่ได้กล่าวอ้างออกไป เพราะจากที่เคยสัมผัสกับผู้คนจากการลงไปในพื้นที่หลายๆ ครั้งนั้น ทำให้ฉันรู้สึกและเชื่อได้ว่าความหวาดกลัวได้เข้าไปครอบคลุมในทุกพื้นที่ จนบางครั้งเราเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ และความรู้สึกหวาดหวั่น หวาดกลัว หวาดระแวง ก็ได้เกิดขึ้นกับฉันเองเช่นกันเมื่อได้ยินเสียงจากเพื่อนผ่านโทรศัพท์บอกว่า “น้องเอฟเสียแล้ว” ความรู้สึกแรกฉันคิดอยู่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ในหัวตอนนั้นมีแต่คำว่า ทำไม ทำไม ทำไม แล้วก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ และเรื่องราวความเศร้าโศกก็ผ่านไป แต่หลังจากนั้น ฉันเปลี่ยนเป็นคนละคน การดำเนินชีวิตปกติเปลี่ยนไป ถ้าจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งก็จะคิดแล้วคิดอีกว่า จะไปอย่างไร ไปกี่โมง ไปกับใคร ควรแต่งตัวแบบไหน จะกลับเมื่อไร กลับอย่างไร คิดทุกขั้นตอน ซึ่งในชีวิตของผู้คนที่ดำรงชีวิตปกติก็อาจไม่ต้องคิดละเอียดมากนัก หรือบางครั้งอาจจะลัดขั้นตอนไปบ้างก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหา ฉันเป็นแบบนี้อยู่พักหนึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเสียชีวิตจากการโดนยิงระหว่างการเดินทาง

เมื่อฉันได้กลับมานั่งทบทวนกับตัวเอง ว่าฉันเป็นอะไรไป การใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ 4 ปี 4 เดือน ไม่ได้ทำให้ฉันรู้จักที่นี่มากขึ้นเลยหรือ

และหัวใจก็บอกฉันว่าฉันรู้สึกผูกพัน และรักที่นี่ ฉันมัวแต่ใช้สายตามองเพียงอย่างเดียว จนลืมที่จะใช้หัวใจมองสิ่งรอบข้าง ทำให้ฉันลืมไปว่าระยะ 4 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา ฉันได้รับน้ำใจที่

รินหลั่งออกมามากมายจากหัวใจของคนที่นี่ ฉันชุ่มชื่นหัวใจทุกครั้งที่คิดถึงระยะเวลา 1 เดือน ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพ่อแม่พี่น้องบ้านเชิงเขา หมู่ที่ 4 ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ถึงแม้ฉันจะเป็นเพียง “คนนอก” แต่พ่อแม่พี่น้องที่บ้านเชิงเขาก็ให้การต้อนรับฉันเหมือนลูกหลาน ให้ที่อยู่ ที่กิน โดยไม่คิดมูลค่า และยังแถมความจริงใจให้ฟรี ๆ ไม่คิดค่าตอบแทนอีกต่างหาก แม้ในช่วงเวลา (19 ธันวาคม 2549 – 24 มกราคม 2550) ที่ฉันลงไปอยู่ในพื้นที่มีเหตุการณ์รุนแรงต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่วันแรกที่ไป แต่ฉันก็ไม่หวาดหวั่น เพราะฉันเชื่อมั่นในความจริงใจของคนในพื้นที่ และฉันก็เชื่อว่าเขาก็สัมผัสได้ถึงหัวใจของฉันเช่นกัน

ยังมีช่วงเวลา 3 วัน 2 คืน ที่ตำบลไม้แก่น อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ฉันไปพักค้างคืนที่โรงเรียนอัตตัรบียะฮ์อิสลามียะฮ์ และฉันก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับบาบอมิตร ผู้รับใบอนุญาตของโรงเรียนนี้ ทำให้ฉันสึกศรัทธาในความคิดของท่านเป็นอย่างมาก ท่านสอนฉันเหมือนผู้เป็นพ่อที่มีความหวังดีต่อลูก ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความอ่อนโยน ในขณะเดียวกันก็ดูน่าเกรงขาม

อีกหนึ่งชั่วโมงที่ประทับใจ คือ ช่วงที่ฉันและทีมงานรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านบาบอเซ็ง ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนดรุณมุสลิมวิทยา บ้านน้ำใส ตำบลลุโบะยิไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี บาบอเซ็งได้เล่านิทานเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งให้ฉันฟัง ฉันประทับใจกับนิทานเรื่องนี้มาก ใจความโดยสรุปก็เพียงจะบอกว่า ทำความดีไปเถอะ โดยไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทน เนื้อหาสำคัญก็มีเพียงเท่านี้ แต่นิทานของท่านทำให้ฉันเข้าใจชีวิตได้ดีขึ้น และแน่นอนว่าฉันก็จะไม่หยุด และไม่ย่อท้อที่จะทำความดี ความดีที่ฉันทำนั้น ฉันก็จะทำด้วยหัวใจเช่นกัน

เรื่องราวในช่วงระยะเวลา 4 ปีกว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้ สิ่งที่บอกเล่าไปนั้นเป็นความจริงที่เกิดขึ้น ท่านผู้อ่านอาจจะไม่ได้เห็น และเข้าใจ แต่ฉันเชื่อว่าท่านจะสัมผัสมันได้หากท่านมองด้วยหัวใจ คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เช่นกัน เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าความจริงใจ

ขอบคุณที่จริงใจต่อกัน

เกศกนก ศิริกาญจน์
รูสะมิแล, ปัตตานี
26 กันยายน 2550