เรามักได้ยินคำแนะนำให้ ยกก้านที่ปัดน้ำฝน เวลาจอดรถกลางแดด ทราบหรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว การทำแบบนั้นอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ สปริงยกก้าน ที่ปัดน้ำฝนแทน
แม้การจอดรถยนต์ตากแดดนาน ๆ แล้วยกที่ปัดน้ำฝน ไม่ให้ยางสัมผัสแนบกระจก จะช่วยให้ ยาง เสื่อมสภาพช้าลงก็จริง แต่จะส่งผลให้ สปริงยกก้านที่ปัดน้ำฝน เกิดอาการล้าเร็ว อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้แรงกดของใบปัดน้ำฝนกับกระจกลดลง ส่งผลต่อแรงปัดของก้านปัด ปัดน้ำฝนไม่เกลี้ยง หรือมีคราบน้ำเป็นเส้น ๆ ตามรอยโค้ง
และหากสปริงยกก้านที่ปัดน้ำฝนล้า ค่าใช้จ่ายในการซ่อมจะสูงกว่าค่ายางที่ปัดน้ำฝนทั้งสองข้าง
ยางที่ปัดฝน จะมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และผิวกระจกไม่ได้มีความร้อนสูงมากมาย จะยกก้านหรือไม่ยก ยางก็เสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว และสาเหตุที่ยางเสื่อมเร็วกว่าปกติ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความร้อน แต่เกิดการใช้งานและการดูแลรักษามากกว่า
ยางปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี
การถนอมยางปัดน้ำฝนที่ดีที่สุด เมื่อจอดรถยนต์ตากแดด กลางที่โล่งแจ้ง คือ ก่อนจะออกรถให้ยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นแล้วนำ ผ้า หรือ กระดาษเช็ดหน้านุ่ม ๆ เช็ดลูบเบา ๆ ตามความยาวของยางปัดน้ำฝนไปในทิศทางเดียว จากนั้นเช็ดบนกระจกบริเวณที่ยางปัดน้ำฝนแนบอยู่ เพราะบริเวณนั้นจะมีเศษฝุ่นผงเล็ก ๆ ปลิวมาตกค้างบนกระจก หากไม่เช็ดออกเมื่อเปิดที่ปัดน้ำฝน ยางจะกวาดเอาเศษฝุ่นผงหรือเศษทรายเล็ก ๆ นั้น กดกับกระจกจนยางฉีกเป็นรอย ทำให้การปัดน้ำฝนบนกระจกไม่เกลี้ยง
ควรทำความทำความสะอาดยางปัดน้ำฝน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากพบร่องรอยการฉีกขาด หรือ แข็งกรอบ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหากใช้ต่อไปจะทำให้ปัดน้ำฝนไม่สะอาด ทำให้เกิดเสียงดัง สะดุดขณะปัด และอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกอีกด้วย