ความเหนื่อยหน่ายและสุดทนกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนไปบนหนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้สวยงามอย่างที่ตั้งใจไว้ การกลับบ้าน คือการกลับไปตั้งหลักชีวิต การออกเดินทางกลับบ้านจึงเหมือนการถอยไปเริ่มกิโลเมตรที่ศูนย์ของชีวิต กลับไปนั่งคิดและไตร่ตรองกับเรื่องราวที่ผ่านมา…
บ่ายคล้อยวันนั้น เราออกไปนั่งเล่นในสวนสาธารณะริมน้ำ ใต้ต้นหางนกยูงที่กำลังผลิดอกงาม กลิ่นเค็ม ๆ ของน้ำทะเลโชยมาให้ได้ชื่นใจ เสียงเครื่องยนต์ของเรือหางยาวดังอยู่ไกล ๆ พอให้รู้ว่าชีวิตไม่ได้เงียบเหงานัก ดวงอาทิตย์กลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีส้มสะท้อนกับผืนน้ำ
“สวยจัง ทำไมเราไม่เคยรู้เลยว่า พระอาทิตย์ตกที่บ้านเราสวยขนาดนี้วะ”
เราครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ แต่มันก็ดังพอที่จะสะกิดเอาความทรงจำในวัยคะนองให้ผุดขึ้นมา เราออกท่องเที่ยว โบกรถ ตากแดด ฝ่าลมหนาว กินมาม่า ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน แต่เราก็จะไป ไปดูความงามของธรรมชาติที่ถูกกล่าวขานตามคำบอกเล่าของผู้คน ยืนยันด้วยภาพถ่ายตามหนังสือสารคดีท่องเที่ยวทั่วไป โดยที่ไม่เคยมองเห็นคุณค่าและความงามอยู่ในที่ที่เราเกิดและเติบโต
“น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ได้เอากล้องมา แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ พรุ่งนี้แหละ เราจะมาใหม่ มาถ่ายรูปเก็บไว้”
เย็นนั้นเรากลับบ้านไปด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบ
บ่ายวันรุ่งขึ้น เรามาตามสัญญาใจตัวเอง มาด้วยความร่าเริงและเปี่ยมหวัง ที่จะต้องกลับมาเก็บรูปสวย ๆ ให้ได้ พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว แต่…เรามองไม่เห็นลูกสีส้มกลมโตตกน้ำอย่างเมื่อวาน เราไม่เห็นฟ้าใส ๆ อย่างที่เคย ดอกหางนกยูงก็ร่วงหล่น จนแทบจะไม่เหลือช่องาม ๆ อีกแล้ว ความร่าเริงและอิ่มใจหายไปในฉับพลัน ทุกอย่างดูเงียบงัน ในทันใดมันก็ปิ๊งขึ้นมาในใจ
“กระทั่งฟ้ายังเปลี่ยนสี ประสีอะไรกับชีวิต ประสาอะไรกับใจคน ที่มันก็ย่อมเปลี่ยนแปลง” รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
แม้วันนี้เราจะไม่ได้รูปสวย แต่ก็อิ่มเอมใจซะยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีกที่ทำให้ตัวเองเข้าใจโลกด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มันแสนจะธรรมดา “ทุกอย่างมันย่อมเปลี่ยนแปลงไป” ใคร ๆ ก็ชอบบอกแบบนั้น แม้ว่าจะเข้าใจมันได้ แต่วันนี้ประโยคแบบนั้นมันเกิดจากความรู้สึกของเราเอง
จุฬารัตน์ ดำรงวิถีธรรม
เราชอบภาพนี้จัง ถ่ายที่ไหนเหรอสวยดี ภาษาที่ประดิษฐ์มาจากธรรมชาติมักสวยงามเสมอและธรรมชาติก็มักให้ข้อคิดดีดีกับเราเช่นกัน
ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไป
แต่…หัวใจยังคงเดิม
ไปละ อิอิอิ
ไม่มีที่ไหนสุขเท่าบ้านเรา ใครๆ เค้าก็ว่ากันอย่างงั้น
จนเมื่อเราได้สำผัสกับความเป็นบ้านจริงๆ นั่นแหล่ะ
บ้านไม่ได้เป็นกล่อง 4 เหลี่ยมที่สร้างจากอิฐจากปูน
แต่เป็นที่ไหนก็ได้ที่เราอยู่แล้วมีความสุข นั่นล่ะคือบ้านต่างหาก
หลายต่อหลายที่ ที่เราไปแล้วมีความสุข และบังหวังเสมอว่าจะได้
กลับไปเหยี่ยบที่แห่งนั้นอีกครั้งนึง
อาจจะเป็นที่ๆ เธอเห็นพระอาทิตย์ยามเช้าหรือเย็นที่สวยจับใจ
อาจจะเป็นหลากทิศทาง เหนือใต้ออกตก ที่ไกลแสนไกลความเจริญ…ที่น่ารังเกียจ
และอาจจะเป็นที่หัวใจของใครคนนึงที่เรารัก
ใครเหงา…กลับบ้านเถอะนะ กลับบ้านเราเถอะ
เราต่างเรียนรู้และเ้ข้าใจว่าทุกขณะนาทีของลมหายใจ … มีการเปลี่ยนแปลงจดจ่อรออยุ่เสมอ และไม่เคยละสายตาไปจากชีวิตเราสักที …
ยิ่งเราได้เติบโตและเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างมากเท่าไร
เราจะยิ่งเข้าใจในทุกสิ่งจากชีวิตนั้นมากขึ้น …
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเราเข้าใจ ทุกสิ่งอย่างจักต้องแปรเปลี่ยน นั่นเราก็เข้าใจ … เราเข้าใจทุกสิ่งอย่างได้บ้างง่ายดาย บ้างยากเย็น ในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป …
แต่ทั้ง ๆ ที่แม้นเราเข้าใจดีสักเท่าไร…หากไม่อาจเข้าถึงหัวใจตน และไม่อาจจัดการความรู้สึกในห้วงใจของตัวเองได้ … เราก็ไม่อาจวางชีวิตพ้นได้จากความเจ็บป่วยของความรู้สึก …
ทั้งๆที่เข้าใจว่าอะไร อะไรก็เปลี่ยนแปลง แต่ทำไมเรายังจมเจ็บกับการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ …
เคยยกประเด็นนี้มาคุยกับตัวเองบ้างไหมค่ะ “อย่างคนกันเองที่กำลังจะทำความรู้จักกันจริง ๆ สักที”
ชอบข้อความย่อหน้าแรกจังเลยค่ะ