เศรษฐีคนหนึ่งอยากให้ลูกชายของเขาได้เรียนรู้ว่าชีวิตที่มี “ความยากจน” เป็นอย่างไร เขาจึงตัดสินใจส่งลูกชายของเขาลองไปใช้ชีวิตใน “ชนบท” ยากจนทั้งหมด 3 วัน
และเมื่อวันที่ลูกชายของเขากลับบ้าน นี่คือ บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับลูกชายของเขา
พ่อ: เป็นยังไงบ้างล่ะ?
ลูก: ก็โอเคนะครับ
พ่อ: ระหว่างบ้านของเรา กับบ้านของพวกเขามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง?
ลูก: มันแตกต่างกันมากเลยครับ (ลูกชายตอบด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นมาก) เรามีหมา 1 ตัว พวกเขามีหมา 4 ตัว
เรามีน้ำสะอาดอยู่ในสระว่ายน้ำ แต่พวกเขามีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอันใสแจ๋ว และมีปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
เรามีโคมไฟสวยงามอยู่ในสวน แต่พวกเขามีดวงจันทร์ และดวงดาวมากมายที่ส่องแสงในยามค่ำคืน
สวนของเรามีที่จำกัดด้วยกำแพง แต่สวนของพวกเขา มีที่ไม่จำกัด มันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจรดขอบฟ้า
เราฟังซีดีอยู่ที่บ้านของเรา แต่พวกเขามีเสียงนก เสียงสัตว์นานาชนิดที่แข่งกันขับร้องอย่างไพเราะตามธรรมชาติ
บ้านเรามีรั้วรอบขอบชิด แต่พวกเขามักต้อนรับคนที่ผ่านไปผ่านมาเสมอ ประตูบ้านจึงไม่เคยปิดเลยด้วยซ้ำ
ในตัวเมืองของพวกเรา คนติดต่อกันผ่านโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขา มีความใกล้ชิดกันมากกว่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ลูกชายกล่าวอีกว่า “พ่อครับ ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้ว่า จริง ๆ แล้ว เรายากจนมากแค่ไหน”
หลังจากที่พ่อของเขาได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจมาก เพราะสิ่งที่ลูกชายของเขาได้รับ มันช่างเหนือความคาดหมายของเขาไปจริง ๆ
มันมีคำพูดของ Rodolfo Costa ที่บอกว่า
“Many people are so poor that the only thing they have is money.”
“คนจำนวนไม่น้อยที่ยากจนมาก เพราะอย่างเดียวที่พวกเขามีก็คือเงิน”
ชีวิต ความสุข ธรรมชาติรอบตัวเรา มิตรภาพ น้ำใจ สิ่งเหล่านี้ใช้ “เงิน” ซื้อไม่ได้ ไม่ว่าจะรวยสักเท่าไร
แต่ทำไมคนเราถึงคิดว่า มันมีค่า มีราคา น้อยกว่า สิ่งที่หาซื้อได้ด้วยเงิน…