“หมาน” คำ ๆ นี้ หากถามคนทั่วไปอาจเข้าใจกันได้หลากแง่หลายมุม อาจเป็นคำ ส-แลง ไปโน่นเลยก็ได้ แต่ในที่นี้ขอยึดคำแปลมาจากพื้นภาษาของที่ราบสูง เรียกว่าเป็นคำขยายของการทำมาหากิน เช่น หาปลา หมานแท้ ก็แปลว่าหาปลาเก่ง หาได้เยอะ เป็นต้น ดังนั้นพอจะอนุมาณได้ว่า คำว่า หมาน จึงเป็น คำขยายกริยาในขณะกระทำ (V.+ing) 5555 แปลว่า เก่ง, มาก, เหลือหลาย ฯลฯ

บรรยากาศบ้านผมยังเป็นเช่นเดิม ๆ กิจวัตรประจำวันเป็นไปโดยอัตโนมัติ เช้ามาก็ต่างแยกย้าย พ่อห้อม้าไปสอนหนังสือ ลูก ๆ ก็เดินไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน พกกระดานชนวนไปคนละแผ่น ในย่ามสีมอ ๆ ยังมีอุปกรณ์หากินอยู่เพียบ ทั้งตัวเบ็ดพร้อมสาย หนังสะติ๊ก ลูกกระสุนดินเหนียว เข้าเรียนเขียนอ่านไปตามเรื่อง พักเที่ยงมาก็หาส้มสูกลูกไม้แถวๆ ป่าข้างโรงเรียนนั่นเอง ทั้งลูกหว้า ลูกหวาย เล็บแมว ตะขบ มะเม่า หัวลิง ฯลฯ ตกเย็น เลิกเรียนแล้วก็ลงทุ่ง ลงหนอง หาปู ปลา กบ หอย หรือผักหญ้า จำพวก ผักแว่น โหบเหบ บัวแบ้ บัวสาย แพงพวย ฯลฯ ตามแต่โอกาสอำนวย วนเวียนเป็นวัฏจักรไปตามนี้

เช้านี้ก็น่าจะเหมือนกับทุกเช้าที่ผ่านมา หลังจากร้องเพลงชาติไทย ตามด้วยบทสวดมนต์ที่หน้าเสาธงเสร็จสิ้นแล้ว ก็เดินเข้าห้องเรียนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ ครูเรียกนักเรียนทั้งหมดมารวมกันที่ห้องประชุม แล้วแจ้งให้ทราบว่า คืนวันพรุ่งนี้จะเกิดเหตุการณ์ ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ อยู่ในระนาบเดียวกัน โดยเงาของโลกจะบดบังดวงจันทร์จนมืดมิด เรียกว่า “จันทรุปราคา” หรือ “จันทคราส” เด็ก ๆ ได้ฟังก็งงกันใหญ่ แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับเรา ครูก็งง ไม่รู้จะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างไร ก็รู้มาเท่าที่บอกไปนั่นแหละ จนตอนหลังไม่เอาแล้ว ไม่เรียกมันแล้ว จันทรุป ทะแร้ป อะไรนั่น เอาแบบที่บ้านเราเรียกว่า “กบกินเดือน” นั่นแหละ เฮ้อ…ก็แค่นี้แหละ ครูหนอครู ชอบอธิบายเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นยากอยู่เรื่อยเลย 5555

เอาแล้วไง แม้จะเป็นเรื่องที่เราเคยเจอกันมาบ้าง แต่ความสนุกในคืนกบกินเดือน ก็ยังจารึกอยู่ในความทรงจำอยู่เสมอ วันนั้นทั้งวันไม่เป็นอันเรียนกันละ หาเรื่องเล่าลือมาพูดคุยเกี่ยวกับ กบกินเดือน ตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งครู ก่อนสอนก็จะเล่าให้ฟังรวมทั้งชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน

คนเฒ่าคนแก่จะสอนนักสอนหนา หากเกิดเหตุการณ์กบกินเดือน พอเริ่มมืดปุ๊บ เราต้องรีบทำเสียงดัง จะยิงปืน เคาะเกราะ ตีกลอง หรือทำอะไรก็ได้ให้มีเสียงดัง เพื่อให้กบตกใจ ไม่งั้นเดี๋ยวกลืนเดือนเข้าไปไม่คายออกมาจะแย่ และในขณะที่ยังมืดอยู่นั้น ยายจะสอนให้เคาะทุกสิ่งทุกอย่างที่จะให้ดอกให้ผล ต้นไม้ทุกต้น กระป๋องสตางค์ แห อวน ยุ้งข้าว ฯลฯ ทุกอย่างที่คิดได้ตอนนั้น ยายจะพาเคาะหมด โดยความเชื่อที่ว่า หากไม่เคาะ เดี๋ยวทุกสิ่งที่ว่าจะโดนกลืนไปกับเดือนขณะโดนกบกินเข้าไป แต่พอเราเคาะแล้ว จะ หมาน ทำมาหากินสะดวก เป็นต้นไม้ก็จะให้ผลดกดี เป็นแหเป็นอวน ก็จะหาปลาเก่ง เป็นยุ้งข้าวก็จะมีกินไปตลอด เป็นต้น

และแล้ววันเวลาที่รอคอยก็มาถึง พอเริ่มมืดปุ๊บ เสียงประทัด เสียงปืนก็เริ่มดังระงมขึ้น เสียงเคาะเกราะ เคาะกระป๋อง ดังไปทั้งหมู่บ้าน ยายจูงมือผมเดินใช้ไม้เคาะตามต้นมะม่วง ขนุน มะยม มะขาม ฝรั่ง ไปเรื่อย ปากก็ร้อง หมาน ๆ ไปตลอด พ่อก็เอาแห อวน สวิง เบ็ด ตุ้ม (ดักกบ) มอง (ตาข่าย) ฯลฯ ออกมา ใช้มือเคาะไปรอบ ๆ ปากก็ส่งเสียง หมานๆ ตลอดเวลา ยายไม่ลืมกระป๋องสตางค์ วิ่งไปก็เคาะไป โคล้ง ๆ ๆ ๆ หมาน ๆ ๆ ๆ รอบบ้านกันจนเหนื่อยทั้งยายและหลาน หมดที่จะเคาะแล้วเดือนก็ยังมืดอยู่ ผมก็วิ่งไปบ้านน้าข้าง ๆ บ้าน แกกำลังอัดปืนแก๊ปพอดี ยกส่องขึ้นฟ้า เสียงดัง ตูม ตามมาด้วย หมาน ๆ แล้วแกก็เดินเคาะต้นไม่ของแกไป โดยมีผมตามไปช่วยด้วย

ในความมืดสนิทนั้น น้าแกถามผมว่าได้เคาะกระเป๋ากางเกงหรือยัง ผมบอกยังเลย จะเคาะทำไมล่ะ แกก็บอกว่า “กระเป๋าเงิน เป็นเรื่องสำคัญนะ รีบเคาะเร็วเข้า เงินจะได้ไหลมาเทมา ไม่ขัดสน” ผมก็ เออ…ก็เอาวะจัดการใช้มือทั้งซ้ายขวา คบกระเป๋ากางเกงทั้งสองด้าน หมาน ๆ หมาน ๆ ในช่วงนั้นเอง ความคิดอันพิลาศพิไลก็บังเกิดในสมองของผม ช่วงที่สองมือกำลังตบหรือเคาะที่กระเป๋ากางเกงซ้ายขวานั้น ผมดันอุตริมาเคาะที่ซิปกางเกงด้านหน้า หมาน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เฮ้อ! เรื่องนี้ ถือว่า ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ เพราะตัวผมเองทุกวันนี้ก็ ……………. 5555 …….

ทิดโส โม้ระเบิด