Photo by Manoch Methiyanon

ในบางครั้งที่เราอยู่ร่วมกับคนอื่น มีซักกี่ครั้งที่เราพยายามจะเข้าใจคนอื่นและยอมรับในความแตกต่างที่เขามีไม่เหมือนเราได้ ในบางทีที่เราเฝ้าถามตัวเองและไม่เคยมีคำตอบสำหรับตัวเองเลยว่า ทำไมเราต้องเคารพและยอมรับความต่างหลากหลายที่เขามีต่อเรา บ่อยครั้งที่เรายึดตัวเราเองเป็นศูนย์กลาง ทำให้เรามองไม่เห็นละเลยคนที่อยู่รอบข้าง เรียกร้องกับคนอื่นและไม่ยอมเข้าใจในตัวของคนที่อยู่รอบข้างเรา

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย มีไม่มากครั้งนักที่จะทำให้เราจะได้เรียนรู้จากคนที่อยู่รอบข้างเรา เรียนรู้จากคนที่เราเฝ้ามองย้ำและบอกกับตัวเองเสมอว่าเขาคือ “คนอื่น” เขาไม่เกี่ยวข้องกับเราและต่างจากเรา ระบบการเรียนรู้แบบมหาวิทยาลัยทำให้เรามองไม่เห็นคนอื่น ซ้ำร้ายในบางครั้งยังสอนให้เราทนงความเป็นตัวของเรา และพร้อมที่จะทำร้ายคนอื่นที่ไม่เหมือนเราด้วย

การออกค่ายอาสาฯ เป็นอีกหนทางหนึ่งที่สามารถเปิดเราออกจากโลกแห่งอัตตา สัมผัสน้ำมิตรของเพื่อนร่วมค่ายที่มีให้แก่กัน และมีการแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีแก่กันและกันในค่ายอาสา เพื่อให้มีการเรียนรู้และพร้อมที่จะทำเพื่อคนอื่นและสังคม ภายใต้รอยยิ้มอันละมุนละไมคลุกเคล้าด้วยเสียงหัวเราะที่สนุกสนาน

อะไรล่ะ ทำให้พวกเขาคิดว่าการไปค่ายอาสาเป็นสิ่งที่น่าพิศมัยเหลือล้น โดยที่ยังไม่ได้เผชิญสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า อะไรล่ะ ทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะกระทำนั้น เป็นสิ่งที่ควรและนั้นคือการทำเพื่อคนอื่นและสังคม พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ภายในส่วนลึกของหัวใจยังมีคนที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าจริง ๆ เขามาเพื่ออะไรและอยากได้อะไร และก็ไม่น่าแปลกอะไรที่คำถามเหล่านี้ยังวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของชาวอาสาทุกคน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ลำพังการทำกิจกรรมในค่ายอาสาฯ ก็ยังไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ทั้งหมด เราอาจจะเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับคนอื่นที่มีความหลากหลายพร้อมกับการทำงานร่วมกัน นั้นคือกระบวนการของค่ายอาสาฯ มีให้ ถึงอย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกับคนอื่นโดยพื้นฐานแล้ว เราต้องอาศัยการแลกเปลี่ยน ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นการหาคำตอบที่เรายังไม่ชัดเจนว่าเรามาค่ายอาสาเพื่ออะไร

การมีวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนความรู้สึกภายในค่ายอาสาฯ นั้นเป็นเสมือนสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้เพราะ การได้แลกเปลี่ยนกันนั้นทำให้สมาชิกในค่าย ได้แสดงความรู้สึกความคิดที่อยู่ภายในของแต่ละคนออกมาอย่างอิสระ พร้อมกับเป็นการร่วมกันตอบคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจ แสวงหาคำตอบสำหรับตัวเองและคนอื่นมองให้เห็นมิติของค่ายอาสาฯ ที่มีมากกว่าการทำงานร่วมกัน ก้าวข้ามกำแพงของตัวเองที่จะทำเพื่อผู้อื่น ไม่เป็นแค่แรงงานในค่ายอาสาฯ ที่ไม่ได้แสวงหาคำตอบให้ตัวเองในการกระทำเพื่อคนรอบข้างและสังคม

วัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนดังกล่าว เป็นเสมือนสิ่งริเริ่มที่จะเข้าใจคนอื่นและตัวเองไปพร้อมกัน เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกระบวนการคิดซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เป็นส่วนที่ช่วยขัดเกลาให้คิดและวิเคราะห์สถานการณ์การวางตัวได้อย่างเหมาะสม ในหลายครั้งที่มีการสนทนาแลกเปลี่ยนอย่างออกรสออกชาติบรรยากาศเอื้อต่อการทำความเข้าใจกันมากขึ้น อบอวลด้วยมิตรภาพและความงดงามของความรู้สึกที่น้อยครั้งที่เราได้สัมผัส

หากเราจะมองให้เห็นความงดงามของความหลากหลายที่เราต้องตระหนักถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนด้วย และไม่ตัดสินคนอื่นด้วยกรอบของเราที่มีอยู่ แต่สิ่งที่ควรกระทำมากกว่าคือการสลายกำแพงของกรอบเดิม ๆ แล้วหันมาสัมผัสถึงความรู้สึกภายในของคน ๆ นั้น แล้วก้าวไปพร้อมกัน เติบโตพร้อมกัน แล้วหันหาสังคมที่ไม่มีความเป็นมิตรและความเข้าใจ ยื่นมือเข้าไปหาสังคมและแบ่งปันมิตรภาพ นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ค่ายอาสาฯ ต้องการจะสร้างขึ้นมา

ปิยะวัฒน์ นามโฮง