โคลงสี่สุภาพ
ขันเอยขันมนุษย์บ้าบวมบอ หุยฮา !
ฟ้าม่านดำทมึนมอมืดตื้อ
ฟอกถ่าน….ถ่านจักลออขาวอล่อง มีฤา
ผงถ่านฟอดฟุ้งอื้ออาบหน้าตนเอง !
 
คนชั่วใจถ่านเหี้ยมโมหัน หนึ่ง ฮา
สมันเปิบมูมมามมันมาบ……ม้าบ !
ผงถ่านเปรอะตัวคันคะเยอยุ่ง (ลิงเอย)
“ถ่านไม่ดำดอกคะร้าบ !”ร่านร้อง….กิ๋วกิ๋ว !
 
มวลชนหัวหะห้ายโห่หรรษ์
สูอิ่มเอือบอกมันเมือบม้าม
หางโผล่ปิดหางหันแหกปาก ปราบฮือ
“เฮ้ยนี่หางต้องห้ามอย่าเว้ยอย่าเห็น”
 
(เอือบอก – อิ่มแประจนท้นหัวอก เอ้อเร้อ เอ้อเต่อ ; เมือบ – แประจนถึงใจ)
ยานีลำนำ
กุ๋ย กุ๋ย เอ้าหุยฮาจะขอโห่ให้ตูมตึง
สูเอยช่างดื้อดึงกระด้างดำในสันดาน
สูคนหนังสือพิมพ์มาแปลงเพศเป็นคนพาล
ทรยศอุดมการวิชาชีพอันลือชา
อาวุธหนังสือพิมพ์คือปลายคมแห่งปากกา
เป็นทวนอันคมกล้าและโคมทองอันวาววาม
คือปากและคือเสียงของมวลชนอยู่ทุกยาม
เปิดโปงที่เลวทรามและเทอดทูนพิทักษ์ธรรม
สะท้อนความทุกข์ยากและสาเหตุที่เงื่อนงำ
ชี้ทางเป็นแนวนำและเป้าหมายอันโอฬาร
เข้าร่วมในแนวรบประชาชาติด้วยมือชาญ
ใช่ยืนสังเกตการณ์เอาตัวรอดอยู่ริมทาง
ทวนทองต้องเป็นทวนที่กล้าแกร่งบ่เป็นกลาง
เป็นทวนที่เข้าข้างอยู่เคียงคู่กับมวลชน
โคมทองต้องส่องทางและสัจจธรรมแก่ใจคน
สาดแสงอันร้อนรนให้ปีศาจปลาตหนี
นี้คือจรรยาบรรณอุดมการทั้งมวลมี
คือเกียรติและศักดิ์ศรีอันสุดแสนจะแหนหวง
คือเลือดอันเดือดพล่านเป็นพรายผุดในกลางทรวง
คือใจแต่เดียวดวงและวิญญาณหนังสือพิมพ์
แต่ดูสิเลวชาติได้เศษบุญมาชมชิม
หลงรสที่เลียลิ้มก็ทิ้งสิ้นทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีอุดมการจรรยาบรรณ
อั้นอึ้งตะลึงงันเพราะน้ำเงินที่งามเงา
เปิบโป้สวาปามตะกามซดบ่สร่างเซา
มูมมามและมึนเมาจนเมือบม้ามด้วยย่ามใจ
น้ำเงินที่เขาขุนเป็นบุญคุณเหนือสิ่งใด
น้ำข้าวที่จางใสช่างโอชาจนกล้าตาย
สูลืมประชาชนด้วยเห็นคนว่าคือควาย
น้ำข้าวจากมือนายช่างย้อมสูจนโหดหิน
เปิบข้าวทุกคราวคำจงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกินจึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้น่ะมีรสให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทนและขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวงระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราวล้วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาดทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็นจึงแปรรวงมาเปิบกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดงและน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้นที่สูซดกำซาบฟัน
เจ้ากรุมตะกรามกินเพียงน้ำข้าวก็เมามัน
เห่าโห้งเป็นรายวันเพื่อแทนคุณอยู่วุ่นวาย
สูคนหนังสือพิมพ์ประเภทอิ่มแล้วลืมอาย
เลียตีนจนนายตายยังอุ้มผีด้วยใจพาล
ในมือสูถือทวนแต่เดินทวนกระแสธาร
ถือทวนพิทักษ์มารและทิ่มแทงผู้เทอดธรรม
ทวนทองเป็นทวนทาสและเปลี่ยนค่าจากทองคำ
โคมทองทมึนดำดังสีเลือดพวกกาลี
สูโทษหนังสือพิมพ์ว่าปั้นข่าวขึ้นโจมตี
ใส่ร้ายและป้ายสีและใส่ไฟด้วยใจทราม
บัดนี้สิแจ้งชัดเพราะกรรมการได้ติดตาม
สอบสวนกระทงความเรื่องโกงกินจนสิ้นพุง
ยิ่งค้นก็ยิ่งพบเป็นข่าวก้องสะเทือนกรุง
นอกมุ้งและในมุ้งล้วนจับได้……(ว่าไงเกลอ?)
สูทาสรายวันเอยช่างไร้อายเสียจริงเออ
เต้นเหยงเขย่งเหยอดังหมาบ้าขี้ข้าผี !
สาดไฟและใส่ความหนังสือพิมพ์ที่ทำดี
ปกปิดที่อัปรีย์และบิดเบือนอย่างไร้ยาง
กล่าวเท็จต่อทุกทิศและหลอกลวงต่อทุกทาง
มุ่งหวังจะอำพรางด้วยเหลี่ยมเล่ห์กโลบาย
ยิ่งดิ้นยิ่งรุนแรงยิ่งเรื่องแดงจนเห็นลาย
พวกเจ้าบ่าวควายควายก็ล้วนมาร “โจรการเมือง”
เสียงแช่งจากสิบทิศคือเสียงคนที่แค้นเคือง
ความแค้นนั้นลุกเรืองในกลางใจของปวงชน
แต่ดูสิสันดานกระด้างดำยังดิ้นรน
ถูกถุยยังหน้าทนประสาเปรตที่อัปรีย์
กู่ก้องและร้องแรกคำรนเรียกพวกเผ่าผี
ล้วนแล้วแต่กาลีจะกล้ำกลืนและกินคน
สูแค้นหนังสือพิมพ์ที่เทอดธรรมอย่างคงทน
ด้วยเล่ห์และด้วยกลจะทำลายให้แหลกลาญ
โอมอ่าน “คาถาแดง”ด้วยหมดพุงจะรังควาน
ทุดถุย….เจ้าสาธารณ์ฉะนี้ฤาที่ชื่อไทย
แหกปากสำรากหลอกและกลับกลอกจนเจนใจ
ผีเหวยจะหลอกใครอย่าหลงคุยเอ้าหุย……ฮา !
โคลงห้าพัฒนา
คนบ่แพ้ภัยผี
เปรตอัปรีย์ปลุกปล้ำ
แรงคนตีตูมตอก
ล้มผีขว้ำขวิดตีน คาตีน !
จงอย่าท้อไทยเหวย
ไทยบ่เคยด่าวดิ้น
ใช่ผีเลยหลอนหลอก
คนแท้ลิ้นหลอกคน
กรุงเทพฯโพ้น ไพรพง
ใช่ผีลงล่าล้าง
มีแต่พงศ์ผีดิบ
ปล้นเมืองม้างมอดหาย
 
(ม้าง – ภาษาไทยอีสาน แปลว่า ล้างผลาญ , ทำลายล้าง , มล้าง)
ยานีลำนำ 
อาคนหนังสือพิมพ์ที่รักไทยและเทอดธรรม
สูจงอย่า เงียบงำเพราะกลัวภัยกระพือพาล
ถึงจนก็ยึดมั่นจรรยาบรรณอย่างชื่นบาน
ศักดิ์ศรีอุดมการบ่ขายกินสักเพียงคำ
ถึงตายก็ยอมตายเพื่อเทอดไทและเทอดธรรม
ทำดีให้ทรงจำแก่ใจคนทุกดวงใจ
มวลชนสิคือนายที่บุญคุณนั้นเกินใคร
น้อมหัวเข้ารับใช้ดังงัวงานที่ชาญนา
วิญญาณหนังสือพิมพ์ธำรงค์ศักดิ์บ่สร่างซา
ทวนทองในมือขวาและมือซ้ายคือโคมไฟ
จงเดินและก้าวเดินอย่างดุ่มดั้นอย่าเกรงใด
กล้าแกร่งด้วยแรงใจและศรัทธาวิชาชาญ
ปกปักษ์พิทักษ์ผลประโยชน์ชาติจากมือพาล
ฝ่ามนต์ของผองมารอุทิศตัวบ่กลัวมนต์
ฟันฝ่า “คาถาแดง”ไปข้างเคียงกับมวลชน
ใจไทยที่อดทนจะค้ำจุนบ่เคยจาง
เมืองทองที่ชื่อไทยถึงทึบทึมทุกทิศทาง
ผีร้ายที่ครืมครางอย่าหวังเลยจะกลืนคน
อาคนหนังสือพิมพ์ที่เทอดธรรมจงอดทน
แนวรบของมวลชนนั้นแน่นหนาจงอย่ากลัว
เส้นทางที่สูเดินมิใช่เดินลำพังตัว
เพื่อนสูอีกมืดมัวดังผงทรายในแผ่นดิน
มีมากดอกมวลชนที่ทุกข์ทนอยู่อาจิณ
มหาโจรที่โกงกินสิโดดเดี่ยวในดินแดน
มือสูมือน้อยน้อยอันคนคอยจะดูแคลน
ประสานให้แน่นแฟ้นเป็นมือเดียวที่มหึมา
มือนี้จะมีพลังกว่ามือใดในโลกา
มือนี้จะทายท้าแม้เทพไท้อย่างทรนง
ใจสูที่ทอดถอนแทบขาดรอนละลายลง
รวมกันให้มั่นคงกับมวลชนเป็นใจเดียว
ใจนั้นจะพลันเกิดพลังกล้าอันกลมเกลียว
ใจนั้นจะปานเคียวที่คมขาววะวาววาม
มือนั้นและใจนั้นผนึกกันอย่างงดงาม
แล้วผีที่คุกคามจะซบสั่นอยู่ใต้ตีน !
…..ถูกละ ใต้ตีน…จะซบสั่นอยู่ใต้ตีน !
 …………….อยู่ใต้ตีน !
ทุดผีที่ถือสากแต่หากปากว่าถือศีล
ดวงใจที่โหดหีน-ะชาติฤาจะกล้าหาญ
คนไทยนั้นใจไทและมือไทยนั้นทนทาน
มือไทยกับมือมารจะสู้กันให้มันมือ
 
….อหา ! มาสู้กันให้มันมือ……มา.!……..ให้มันมือ !
 
วิญญาณหนังสือพิมพ์นั้นลุกโรจน์กระพือฮือ
หลอมลนด้วยเปลวบือจนเหลือคนที่ทนไฟ
ใครคนหนังสือพิมพ์ที่ทรนงในนามไทย
มวลชนย่อมชมใจและชมชื่นในผลงาน
ใครคนหนังสือพิมพ์ที่ทรยศอุดมการ
เสียงแช่งจะยาวนานเป็นเดนปากของปวงชน
ใครคนหนังสือพิมพ์ที่ทรนงในนามคน
ชื่อเสียงจะคงทนดั่งรุ้งทาบนภา………บา !
ใครคนหนังสือพิมพ์ที่ขายตัวเพื่อเงินตรา
จารึกบนหนังหมาประจานนานถึงหลานเหลน
อาสูพวกกาฝากจะตายทรากเป็นกากเดน
พื้นฐานนั้นโงนเงนจะพังพับอยู่นับวัน
อาเพื่อน (ยังเรียกเพื่อน)จะขอเตือนอีกครั้งครัน
อย่าด้านและดึงดันอย่าดื้อดึงจนเกินไกล
“เจ้าซื่อต่อคนคดแต่ทรยศต่อคนไทย
ลูกหลานจะอายใจที่มีพ่อเป็นคนทราม”
สูเอยประวัติศาสตร์จะจารึกประจานนาม
ตัวอย่างแสดงความสกุลถ่อยแห่งกรุงไทย
ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายถ้าไร้อายก็ตามใจ
อย่ารอจนสายไปจะครางอา…….นิจจากู !
 
ด้วยความปรารถนาดีจากเพื่อนเก่า!

กวี ศรีสยาม (จิตร ภูมิศักดิ์)
ประชาธิปไตย – 9, 11, 12, 14, 15 สิงหาคม 2507