เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ถึงข้อความประมาณว่า “เด็กเปรียบดั่งผ้าขาว” ถือกำเนิดเกิดมาบนโลกอย่างบริสุทธิ์ไร้มลทิน และ “ผ้าขาว” ผืนนี้จะถูกวาดเขียน แต่งแต้มสีสันใด ๆ ก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้ใหญ่” ดังนั้นคงจะไม่เกินเลยความจริง หากจะบอกว่าผู้ใหญ่มีอิทธิพลอย่างยิ่งกับเส้นทางชีวิตของเด็ก ๆ จะดี จะเลวยังไง ขึ้นอยู่กับ “ผู้ใหญ่” โดยตรง
มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่ยืนยันความจริงอันนี้…
Life is Beautiful หรือชื่อในภาษาอิตาเลียน La vita e bella ภาพยนตร์สัญชาติอิตาเลียน ในปี ค.ศ. 1997 ของ โรแบร์โต เบนิญี่ (Roberto Benigni) ที่ทั้งกำกับ, ร่วมเขียนบทและนำแสดงเอง
หนังกวาดรางวัลสำนักต่าง ๆ เป็นว่าเล่น รวมไปถึงรางวัลออสการ์ ปี 1998 ใน 3 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม โดย โรแบร์โต เบนิญี่ (Roberto Benigni)
เรื่องราวของชายชาวยิวในอิตาลีที่ชื่อ กุยโด (Guido Orefice) ผู้ซึ่งตกหลุมรักคุณครู ตอร่า (Dora) ทั้งคู่แต่งงานกันและมีลูกชายชื่อว่า โจชัว (Joshua) หลังจากแต่งงาน กุยโด ก่อร่างสร้างตัวจนมีร้านขายหนังสือเป็นของตัวเองตามที่เขาใฝ่ฝัน เรื่องน่าจะดูดี Happy Ending ใช่ไหม…
แต่… เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ยิวในอิตาลี โดยนาซีเยอรมัน ครอบครัวกุยโดรวมทั้งลูกชาย โจชัว ซึ่งขณะนั้นอายุ 5 ขวบ ก็ถูกพาตัวไปเข้าค่ายกักกัน
ลองคิดดูเล่น ๆ เด็ก 5 ขวบ มีชีวิตในระหว่างสงคราม อาศัยอยู่ในค่ายกักกัน ไม่มีแม่อยู่ด้วย (ถูกแยกขัง ชาย หญิง) พ่อเป็นชนชาติเป้าหมายที่จะถูกทำลายล้างให้หมดสิ้นไป ทุก ๆ วัน พ่อต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานในฐานะเชลยศึก ตัวเองต้องอยู่ในค่ายร่วมกับเด็ก ๆ วัยใกล้เคียงกันที่โรงเลี้ยงเด็ก “ผ้าขาว” ผืนนี้จะมีสภาพเป็นเช่นไร?
แต่สิ่งที่ กุยโด ทำเพื่อปกป้องลูกชายจากภาวะและบรรยากาศแห่งการสู้รบ จนทำให้หนูน้อย โจชัว อยู่รอดปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ ยังมีอารมณ์และจินตนาการแบบเด็ก มีความร่าเริง ความคิดสร้างสรรค์ตามฝันที่สวยงามแห่งวัยเด็ก มิได้ถูกความโหดร้ายแห่งสงครามทำลายลงไป ก็คือ “โกหก”
ตลอดเวลาในค่ายกักกัน กุยโด หลอก (โกหก) ลูกชายว่าที่เราถูกจับมานี่เป็นการเล่นเกม ทหารคือผู้คุมเกม การมีชีวิตรอดคือคะแนน และคะแนนคือการนำไปสู่ชัยชนะ และมันก็กลายเป็นสิ่งเดียวของเด็กน้อยยึดมั่น ที่จะต้อง “เอาชนะเกม” ให้ได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วมันคือ “การอยู่รอด”
“มันเป็นเพียงแค่การเล่นเกม หากชนะเกนนี้ไปได้ รางวัลคือรถถัง” กุยโด บอกลูกชายแบบนั้น
นี่คือความแตกต่าง… ที่ชัดเจนว่า “ผู้ใหญ่มีอิทธิพลกับชีวิตเด็ก”
“โกหก” โจชัว จึงคิดว่าเป็นการเล่นเกม = ดำเนินชีวิต ปกติ ร่าเริง
“ไม่โกหก” โจชัว จึงรับรู้ความจริง = ดำเนินชีวิต หวาดกลัว สิ้นหวัง
ในที่สุด หลังจากเยอรมันได้แพ้สงคราม “เราชนะแล้ว” โจชัว พูดกับแม่ของเขา และทั้งสองสามารถรอดมาได้ โจชัว ชนะเกมนี้แล้ว แต่ กุยโด ไม่! กว่าที่ โจชัว จะรู้ตัว รู้ความ และเข้าใจว่า ชีวิตของเขาที่ดำเนินมาเสมือนไร้อุปสรรค และยังคงมีความเป็นคนเต็มเป็นปกติ เป็นเพราะพ่อของเขาสร้างฉากที่สวยงามไว้ให้ ปกปิดความเลวร้ายตลอดการถูกคุมขัง และที่สุดก็ต้องเสียสละแม้ชีวิตของตนเอง
หลายฉากในหนังจะทำให้คุณอึ้ง… ด้วยความตื้นตัน ด้วยความเจ็บปวด และคุณก็อาจจะหลุดหัวเราะในบางฉากเช่นกัน…
ความย้อนแย้งในประเด็นความเชื่อและความรู้สึกในหนัง ทำให้ Life is Beautiful กลายเป็น Masterpiece ในใจของผู้ชมทั่วโลก และ (อาจจะ) สร้างความหวังถึงชีวิตที่สวยงาม แม้ว่า… ต้องแลกกับ “บางสิ่ง” โดยที่เราไม่รู้ตัว
อรรณพ นิพิทเมธาวี