หากเอ่ยถึงหมากที่ใช้วางกลศึกบนกระดานแล้วไซร้ จะมองข้าม “ม้า” ไม่ได้เลย ด้วยว่าสามารถเหยียบย่ำไปได้ทั่วกระดาน การเดินม้าก็คือ 1 ตาเฉียง + 1 ตาตรง หรือ 1 ตาตรง + 1 ตาเฉียง เป็นองครักษ์พิทักษ์ ขุน ที่องอาจสามารถมาก เดินหน้า ถอยหลัง สร้างความปั่นป่วนไปทั่วกระดาน โดยที่ไม่ต้องไปรอสร้างความวุ่นวายผ่านสำนักข่าวต่างประเทศแถว ๆ สิงคโปร์ (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
หากมีม้าเป็นตัวรุกไล่ ฝ่ายตรงข้ามจะป้องกันลำบากมาก ต้องเดินขุนหนีเพียงอย่างเดียว หาตัวมาปิดป้องไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันหากมีม้าอยู่ฝ่ายหนี ก็ยังสามารถไปป่วนฝ่ายรุกได้อีกเช่นกัน
ศิลปะในการสงครามก็คือ “ในรับมีรุก ในรุกมีรับ” ต้องทำอย่างไรให้ปราศจากจุดอ่อน ที่ฝ่ายตรงข้ามจะเจาะเข้ามาทำลายได้ บนกระดาน ม้า สามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างไร้ที่ตำหนิ โดยศักดิ์หมากแล้ว ม้าจะสูงกว่าโคนเล็กน้อย และคุณภาพไม่ต่างจาก เรือ เท่าใดนัก ด้วยว่าต้องดูบนกระดานมาประกอบ หากคู่ต่อสู้ป้องกันอย่างเข้มแข็ง แม้ใช้เพียงเบี้ยหงายก็สามารถป้องกันการรุกของเรือได้แล้ว แต่ม้ากลับสามารถฝ่าเข้าไปได้ หรือหากคู่ต่อสู้ปล่อยให้มีช่องทางให้เรือวิ่งได้โดยง่าย ตรงนั้นจะทำให้ศักดิ์หมากของเรือได้เปรียบม้าอยู่บ้าง แต่ไม่เสมอไป
ในการแข่งขันหมากรุกไทย หากคู่ต่อสู้ที่อ่อนกว่ากันมาก ม้าขโมย จะเริ่มทำงานตั้งแต่เปิดกระดาน หากคู่ต่อสู้หลงทาง ก็จะโดนขโมยกินเบี้ยไปก่อนแบบไม่มีทางป้องกันได้ เพียงแค่นี้บางครั้งอาจทำให้คู่ต่อสู้อวสานเร็วกว่ากำหนด เนื่องจากเกิดสภาพฟันหลอ คือเบี้ยป้องกันที่ด้านหน้าอยู่ไม่ครบ ทำให้อีกฝ่ายหาทางเข้ามาโจมตีได้ง่าย
ในแวดวงยุทธจักร ม้าคือส่วนประกอบในการต่อสู้ที่สำคัญ การมีม้าคู่ใจที่รู้ใจกัน ทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งในการสงครามจริง ๆ ในอดีตที่ผ่านมา กษัตริย์หลายพระองค์ที่มีม้าทรงคู่ใจ เข้าสู้ศึกเหนือศึกใต้โดยไม่พรั่นอริราชศัตรู แม้กระทั่งเจงกิสข่าน ก่อนจะใช้งานม้าตัวใด ย่อมต้องผ่านการคัดเลือกสายพันธุ์มาอย่างดี แม้กระทั่งก๊วยเจ๋งกับเจ้าม้าน้อยเหงื่อโลหิต ที่ฝีเท้าไม่มีใครตามทัน
พูดถึง ม้า หากไม่กล่าวถึงวีรกรรมบนสะพานเตียงปัน ที่ จูล่ง ขุนพลแห่งเสียงสาน สำแดงพลังแห่งหัวใจร่วมกับ ม้าเซ็กเทาว์ หอบ อาเต๊า ไว้แนบอก มือกรายทวนป้องกันรอบตัว จนสามารถพาหน่อเนื้อเชื้อไขของ หลิวเป้ย (เล่าปี่) มาส่งถึงมือพ่อโดยปลอดภัย เป็นวีรกรรมแห่งม้าที่ผู้อ่านสรรเสริญในใจเป็นอย่างยิ่ง
ม้าก็ย่อมมีตาเดินของม้า ดังคำโบราณเคยว่ากล่าวไว้สำหรับคนที่ซุ่มซ่ามว่า “เดินไม่ดูตาม้า ตาเรือ” ม้าดีก็สร้างชื่อให้เจ้าของ ไม่เว้นแม้บนกระดานหมากรุกไทย เซียนป่อง จัดได้ว่าเป็นยอดฝีมือทางม้าที่หาผู้เปรียบเทียบได้ยาก ม้าโยงขวาอันลือลั่น เคยสร้างตำนานอันเกรียงไกรบนพันทิพย์พลาซ่า จะว่าเซียนป่องโด่งดังด้วยม้า หรือว่า ม้าหมากรุกไทย มีความสำคัญอันดับต้น ๆ เพราะเซียนป่องกันแน่หนอ
คนเราย่อมมี ม้า อยู่ในใจกันทุกคน นั่นคือกริยามารยาท เมื่อกริยามารยาทดีก็ช่วยส่งเสริมให้คน ๆ นั้นเป็นที่กล่าวถึงในแง่ดีอยู่เสมอ กลับกัน หากกริยามารยาทที่ไม่ดีแล้วไซร้ ย่อมหาคนกล่าวขวัญถึงในแง่ดีได้ยากยิ่งนัก ในที่นี้กริยามารยาทยังกล่าวรวมได้ถึงการแสดงออกต่อสาธารณะ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มในจังหวะที่พอเหมาะ สามารถโน้มน้ามฝ่ายตรงข้ามได้อีกส่วนหนึ่ง ความจริงใจที่แสดงออกก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงจังหวะท่าทางของร่างกาย (Body Talk) เหล่านี้ ล้วนเป็นม้าประจำตัวของเราทุกคน
คุณล่ะ … มีม้าเช่นไรอยู่ในหัวใจ
ทิดโส โม้ระเบิด
หากไม่กล่าวถึงวีรกรรมบนสะพานเตียงปัน ที่ลิโป้ขุนพลแห่งเสียงสาน สำแดงพลังแห่งหัวใจร่วมกับม้าเซ็กเทาว์ หอบอาเต๊าไว้แนบอก มือกรายทวนป้องกันรอบตัว จนสามารถพาหน่อเนื้อเชื้อไขของหลิวเป้ย (เล่าปี่) มาส่งถึงมือพ่อโดยปลอดภัย เป็นวีรกรรมแห่งม้าที่ผู้อ่าน ผิดไปตัวนะครับพี่ทิด จริง ๆ อัศวินคนนั้นชื่อ เดอะลอรด์จูล่งแห่งเสียงสานนะครับ ไม่ใช่ลิโป้ครับพี่ แต่ว่าม้าสำหรับผมนี่ม้ามีไว้ดูดครับพี่ทิด (เบียร์อาชานะ) รสดีดีกรีแรงเด้อ เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ
เออ..ใช่จริง ๆ ด้วย
กราบขออภัยครับ
ผมก็ว่าแหม่ง ๆ พิกล
ขอบพระคุณท่าน อิอิ มาก ๆ ครับที่กรุณาแย้งมา
ขอแก้ไขตรงนี้เลยนะครับ
จาก ลิโป้ เปลี่ยนเป็น จูล่ง
กราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง
ตกม้าจนได้สิเรา
ไปละ อิอิอิ
อืม แหม่พี่ค่ะ โอ๋มองหมากรุกในมุมแบบนี้เหมือนกันน๊า ศาตร์นี้มันเป็นมากกว่าหมากในกระดาน โอ๋ชอบสามก๊กเหมือนกัน มันสอนอะไรหลายอบ่าง แหม่ ๆ ๆ พลาดอีกแล้วช่ายม๊ายค่ะที่ในค่ายเราไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลย T.T
ขอเสริมนิด
เล่าปี่ มีชื่อรองว่า “เหี้ยนเต๊ก” ครับ