Photo by Anggara Putera A

เช้าวันศุกร์… ช่างเป็นวันที่สดชื่นเหลือเกินในความคิดของ ลุงแดง ผู้ใหญ่บ้าน แกก็เหมือนชาวบ้านนอกทั่วไป ที่นอนตั้งแต่หัวค่ำ ตีนฟ้ายังไม่เปิดดี แกก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ล้างหน้าด้วยยาดองไป 1 ก๊ง แกล้มมะขามเปียก นั่งมวนใบจากสูบอย่างสบายอารมณ์

พลัน… เสียงมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะที่ได้ยินแว่ว ๆ ก็มาจอดที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มท่าทางทะมัดทะแมง นั่งคร่อมเจ้าม้าญี่ปุ่นสีส้มสภาพกลางเก่ากลางใหม่

“สวัสดีครับ เอ้อ บ้านผู้ใหญ่แดงหลังไหนครับ”

“โอ๋ย กะข้อยนี่หละ ผู้ใหญ่แดง ของแท้ นี่หละบ้านข้อย”

“งั้นก็พอดีเลย สวัสดีครับ ผมมาจากการไฟฟ้าครับ นายให้เอาหนังสือมาส่ง”

“ป๊าดติโท้ เซิญครับเจ้านาย ขึ้นมานั่งข้างบนนำกันก่อน …แม่อีหนูเอ๊ย หาน้ำหาท่ามาดูแลเจ้านายเพิ่นก่อนเร็ว”

ชายหนุ่มยื่นหนังสือส่งให้ลุงแดง แกรับมาด้วยมืออันสั่นเทา อาจด้วยประหม่าหรือเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มก็เหลือจะเดา

“มันหนังสืออีหยังน้อ หรือว่าเรื่องที่ผมเขียนไปขอไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน เพิ่นอนุมัติแล้ว”

“ครับ เห็นนายแกว่าอย่างนั้นแหละ โอ๊ว!!! นี่ลุงเล่นยาดองแต่เช้าเลยนะครับ”

“ครับ กะซ่ำเซ่าจั๊กหน่อย พอให้มีแรงน่ะครับ เจ้านายพอดื่มไหวมั้ยครับ”

“เห็นจะไม่ถนัดหรอกครับ เดี๋ยวผมต้องไปหมู่บ้านอื่นอีก งานเยอะครับช่วงนี้”

“เอาน่าเจ้านาย จั๊กโบก สองโบก พอแก้กษัย นี่ผมดองฮ่อสะพายควายเลยนะ จิบแล้ว ปึ๋งปั๋ง”

“เอ้อ จะดีเหรอครับ.. เอ้า ผมก็ไม่อยากขัดใจใคร มาผมขอลองซักเป๊ก”

“เชิญครับ เชิญครับ …นี่เอาบักขามเปียกแกล้มจั๊กหน่อย ผมรับรอง…สุย…”

หนึ่งหนุ่มพนักงานการไฟฟ้า หนึ่งชราผู้ใหญ่บ้าน นั่งก๊งกันไป จาก 1 ไป 2 ไป 3 ไป… จนยาดองจะหมดโหลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแยกย้ายกัน การพูดคุยก็ออกรสขึ้น ผู้ใหญ่แกก็ติดลม

“เจ้านายครับ ผมว่าไหน ๆ เจ้านายก็มานั่งตรงนี้แล้ว เดี๋ยวผมเรียกประซุมลูกบ้าน ประกาศข่าวดีนี้ซะเลยนะครับ”

ไม่รอการตอบรับหรือปฏิเสธ แกเดินไปเคาะเกราะเรียกประชุมลูกบ้านทันควัน โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!

ชั่วหม้อข้าวเดือด เหล่าสมาชิกในหมู่บ้านก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา บ้างนั่ง บ้างยืน บ้างจับกลุ่มพูดคุยกัน เสียงลั่นบ้านผู้ใหญ่

“เอ๊า!!! เงียบกันแนเด้อ หมู่เฮา เดี๋ยวผู้ใหญ่สิประกาศข่าวดีให้ฟัง …เงียบ เงียบ”

“คือว่า.. ท่านเจ้านาย ท่านอยู่การไฟฟ้า เอาหนังสือมาบอกพวกเฮา ว่าสิได้มีไฟฟ้าใช้กันแล้วเด้อ เนี่ยหนังสือกะอยู่นี่แล้ว”

แกพูดพลาง ยกจดหมายที่ยังไม่ได้แกะอ่าน ชูให้ลูกบ้านดู ทุกคนมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นทันตา เสียงพูดคุยเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้ง หนุ่มไฟฟ้าก็นั่งมองพลางยกจอกก๊งไปเรื่อย

“ผู้ใหญ่ว่า เอาอย่างนี้ซะ ทิดสี แกไปเอาเหล้าโทมาจั๊ก 2 ไห ทิดเขียวกะเอาเหล้าเด็ดมานำจั๊กหลาย ๆ ขวด แม่ใหญ่คำมี บ้านเจ้ามีไก่หลาย ผู้ใหญ่ว่าเอามาต้มแซบ ๆ จั๊ก 2-3 ตัว บ้านไผมีปลากะเอามาตื่มใส่กัน มาโฮมกันบ้านผู้ใหญ่นี่แหละ ยังไงท่านเจ้านายท่านก็มานั่งอยู่นี่แล้ว เนาะ เอาตามนี้หละ เอ้า ไผมีหน้าที่หยังกะไปเฮ็ดมาเด้อ สิได้ฉลองนำกัน”

ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปปฏิบัติ ตามที่ผู้ใหญ่ได้แจกแจงกันไว้

เพียงไม่นานวงเหล้าก็เริ่มตั้งขึ้น ไก่บ้านต้มยอดมะขามอ่อนส่งกลิ่นฉุย ปลาเผาก็กำลังได้ที่ บ้างกินบ้างดื่ม บ้างสนทนา เป็นที่คึกครื้นยิ่งนัก จากสายไปบ่ายคล้อย ไอ้หนุ่มการไฟฟ้าก็ไม่มีท่าว่าจะจากไปไหน ยังคงสรวลเสเฮฮากับชาวบ้านอย่างสนุกสนาน คนที่เมาก็หลับอยู่แถว ๆ นั้น ตื่นขึ้นมาก็ดื่มกินกันต่อ ผู้ใหญ่แกก็ได้ที่แล้ว ก็เปิดประเด็นอีกครั้ง

“อย่างนี้นะลูกบ้าน ผู้ใหญ่มาคิดดูแล้ว ปีนี้สิขายข้าวจั๊ก 10 เกวียน ซื้อทอระทัศน์ มาเบิ่งกันในหมู่บ้านเฮา เอาบักเครื่องใหญ่ ๆ จั๊ก 14 นิ้วพู่นแหล่ว เอามันธานินทร์นี่หละ มึงเอ๊ย ตอนนั้นนะ พวกผู้บ่าวบ้านเฮา กะจะได้เบิ่ง สาวหมอลำ กกขาขาว ๆ พวกผู้สาวกะสิได้หัดกลอนลำใหม่ ๆ คือสิดีเนาะ”

“เอาโลดพ่อผู้ใหญ่ บักเขียวมักเทิ้ง ข้อยสิเฝ้าบ่ไปไสเลย”

“อ้าว บักห่า มึงบ่ไปเฮ็ดนาบ้อ สิเบิ่งตลอด กะเปลืองไฟผู้ใหญ่แย่สิ เอ้อ เก็บค่าเบิ่งนำดีกว่า พอได้หลาย ๆ กะไปถอย 20 นิ้วมาโลด เนาะ 5555”

ยิ่งดึกก็ยิ่งเมา เหล้าก็พร่องไปเรื่อย สมาชิกในวงก็ยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ลุงผู้ใหญ่แกก็ยิ่งมีความคิดอันบรรเจิด แกจะซื้อตู้เย็นมาทำหวานเย็นขายแข่งกับร้านเจ๊ก จะซื้อโทรทัศน์มาเก็บเงินคนดู จะให้เช่าเครื่องขยายเสียง จะ…จะ…จะ… เรื่อยไป… แล้วแกก็สรุปล่วงหน้า มีแต่เรื่องรวย ๆ ทั้งนั้น พลางนึกขอบคุณการไฟฟ้า ที่ทำให้แกมีทางที่จะหาเงินได้เพิ่มขึ้น และก็ไม่ลืมนึกขอบคุณท่านเจ้านายไอ้หนุ่มการไฟฟ้า ที่มาส่งหนังสือที่แกยังไม่ได้เปิดอ่าน

จวบจนไก่ขันเสียงแจ้ว วงเหล้าเพื่อการเฉลิมฉลองจึงได้ยุติ จานชามวางเกลื่อนกลาด คนเมานอนกันระเกะระกะ ส่วนหนุ่มการไฟฟ้า ลุงผู้ใหญ่แกสั่งในปูที่นอน แถมกางมุ้งให้เสร็จสรรพ

เอ่ก อี๊ เอ้ก เอ้กกกกกกกกกก… (ไก่ขัน)

แสงแรกเริ่มทาบทาขอบฟ้า หลวงพ่อชราอุ้มบาตรเดินสำรวม มือซ้ายถือปิ่นโตท่าทางหนักอึ้ง วันนี้ไอ้จ้อยศิษย์วัดไม่สบาย หลวงพ่อจึงต้องถือปิ่นโตเอง ระยะทางที่เดินผ่านมารวมกับน้ำหนักในบาตรและปิ่นโต ทำให้หลวงพ่อรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่สังขารไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย ยังดีนะที่วันนี้ บ้านหลายหลังยังปิดประตูเงียบ เหมือนกับเจ้าของบ้านยังไม่ตื่น ดูแล้วไม่เป็นเหตุการณ์ปกตินัก สำหรับคนชนบท ที่นิยมตื่นกันแต่เช้ามืด หลวงพ่อคิดว่าจะต้องนำเรื่องนี้ไปสอบถามกับผู้ใหญ่ซะหน่อย กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็มาถึงหน้าบ้านผู้ใหญ่

ป้าเมี้ยน เมียผู้ใหญ่ยกขันข้าวขึ้นเหนือหัว ปากก็ขมุบขมิบกล่าวบทสรรเสริญคุณพระแม่โพสพ

…..สาธุสา พูข่าเอาเข่าไซขัน โย่เค่นไซบาตร ตั๋กเทิ่งเถร เทิ่งเณ่ร เทิ่งพระแก้ว พูข่าตั๋กบาตรแล่ว ม่านังฟั่งพร นิพพ่านนะปะตะโย่โหตุ…..

“เจริญพรเด้อ โยมคุณนาย อ้าวมื้อนี้ผู้ใหญ่ไปไสล่ะ”

“โอ่ย สิไปไสได้ เม่า น่อนเอ้กเลกอยู่นั่นเด๊”

“อ้าว มีงานอีหยัง คือกินกันคักแท่ โท้ หลายค่นตั๊วเนี่ย บาปแท่น้อสู สุราเมระยะ เด้อโยมเด้อ บ่แม่นเมาเป็นระยะ”

“เพิ่นกินโฮมกัน ฉลองสิมีไฟฟ้าเข้ามาหมู่บ้านเฮา นั่นท่านนายไฟฟ้ากะนอนอยู่ในมุ่งนั่นแหล่ว”

“เอ้อ เป็นข่าวดีแท้ ๆ มีอีหยังให้หลวงพ่อซ่วยกะบอกเด้อ คุณนายเด้อ บ๊า ดีแท้ ๆ หลวงพ่อสิได้เห็นฮุงกับเขาแน จุดเทียนมาตั้งโดน สิมีไผมาถวายทอระทัศน์บอน้อ”

“เขาว่ามันแพงหลายเด๊เจ้าค่ะ เหมิดข้าวเปลือกเป็น สิ๋บเกวียน จังสิได้เบิง”

“ป๊าด ปานนั้นเลยติ้ แพงหลายเนาะ เอ้อ หลวงพ่อลาล่ะเด้อคุณนาย เดี๋ยวมันสิสวย เจริญพร”

“เจ้าค่า สาธุ…”

หลวงพ่อเดินจากไป โดยที่มีความรู้สึกไม่ต่างจากชาวบ้านมากนัก ใช่แล้ว แกกำลังฝันถึงแสงสว่าง ฝันถึงทอระทัศน์ ฝันถึงพัดลม ยิ่งหากมีใครมาถวายตู้เย็นก็ยิ่งน่าจะดีไปใหญ่ เอาเหอะ หลังเพล เดี๋ยวจะกลับมาคุยกับผู้ใหญ่บ้านอีกซักรอบ

หม้อต้มเดือดพล่าน ยายเมี้ยนเติม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก เหยาะเกลือ ทุบพริกขี้หนู ใส่ลงตามไป ปลาไหล 3-4 ตัวเขื่อง ๆ ถูกหย่อนลงไปในหม้อทั้งยังเป็น ๆ แกรีบปิดฝาหม้อได้ทัน ก่อนที่น้ำร้อนจะกระเซ็นโดนเนื้อตัว ปลาไหลดิ้นพราดดดดด เพียงครู่ก็นิ่งสนิท แกชิมรสจนได้ที่ เด็ดใบกระเพราข้างบ้านมาใส่ลงไป ผักชีฝรั่งอีกหน่อย เพียงเท่านี้ “เอี่ยนต้มเปรต” ก็นิ่งรอท่านเจ้านายเรียบร้อย

ลุงแดงผู้ใหญ่บ้านแกรู้สึกตัวนานแล้ว แต่ยังไม่อยากลุก เนื่องจากแกกำลังฝันหวาน ในฝันของแก มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่รอบตัว แกฝันถึงการทำสาโทหวานเย็น โดยกรอกสาโทลงถุง ผูกปากถุงให้แน่น แล้วแช่ตู้เย็นจนเป็นน้ำแข็ง แกจะได้เอามาดูดกิน แข่งกับหวานเย็นเด็ก ๆ ตาก็จ้องมองภาพสาวหมอลำ กกขาขาวในจอทอระทัศน์ แหม! มันช่างเป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์เหลือเกิน หากไม่มีเสียงปลุกดังขึ้น

“เอ้า โยมเอ๊ย ยังบ่ตื่นกันอีกตี้ … นี่หล่ะน้อ สุราเมระยะ เมากันบ่บันยะบันยัง ตื่น ตื่น หลวงพ่อมาหาเด้อ ตื่นกันได้แล่ว”

“อืออออออออ… อ้าว หลวงพอ นิม่นต์เด้อ ” เดี๋ยวขอผมซวยหน่า (ล้างหน้า) ก่อน เฮ้ย สู ลุก ลุก”

“โยมช่างไฟฟ้าเด๊ อ้อ ตื่นแล่ว เอ้อ เอ้อ เจริญพรนะโยม ตามสบายเด้อ โยมคุณนาย เฮ็ดอีหยังน้อ คือมาหอมแท่ ๆ”

“ต้มเปรตเอียนค่า หลวงพอ”

“โอ๊ย บาปก่รรม โย่มเอ๊ย ทรมาณเค้าแท่ ๆ ถวายพระแนเด้อ สิได้บาปน่อยล่ง”

“เจ้าค่า”

ถ้อยสนทนาพาทีระหว่างหลวงพ่อกับชาวบ้าน ส่วนมากก็จะเป็นในเชิงนี้ตลอด ใครจะทำอะไรก็บาปไปหมดแหละ แต่หากเอามาถวายพระบ้าง บาปที่ว่านั้นก็จะลดลง ดูเถอะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าบันทึกไว้แท้ ๆ บ้านนอกของผม

กาลเวลาเคลื่อนคล้อยไปเป็นวัฏจักร จากหมู่บ้านที่ค่อนข้างเงียบเหงา ก็เริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทุกคนต่างจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องไฟฟ้า ทอระทัศน์เอย ตู้เย็นเอย เครื่องขยายเสียงเอย สารพัดจะนึกออก ส่วนหลวงพ่อก็รับกิจนิมนต์มากขึ้น และไม่ว่างานประเภทไหน โกนจุก บวชนาค ขึ้นบ้านใหม่ สวดศพ ขอให้มานิมนต์เถอะ เป็นไม่มีขัดศรัทธา และทุกครั้งหลวงพ่อจะต้องเทศนาโปรดญาติโยม ถึงเรื่องราวการทำบุญ เช่น หากถวายหลอดนีออนก็จะทำให้ชาติหน้าดวงตาแจ่มใส ไม่ตาบอด

หากถวายตู้เย็น ก็จะทำให้ชีวิตมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวไม่มีเรื่องระหองระแหง มีกินไปตลอดชาติ หากถวายทอระทัศน์ ยิ่งได้กุศลหนัก ทำให้สมองดี เรียนหนังสือเก่ง ได้เป็นเจ้าคนนายคน หากถวายเครื่องขยายเสียง ก็จะทำให้เป็นคนมีชื่อเสียง ไปไหนมีคนนับหน้าถือตา …ประมาณนั้น

ดวงอาทิตย์คล้อยขอบฟ้าเบื้องตะวันตกไปนานแล้ว ผู้ใหญ่แกนั่งจิบยาดองกับหนุ่มการไฟฟ้าคนเดิม ซึ่งกลายเป็นแขกขาประจำบ้านไปแล้ว หมกฮวกใส่ผักกะแยงหมดไปแล้ว ยำไข่มดแดงก็พร่องจาน แกงยอดหวายใส่กบยังเหลือค่อนถ้วย ผู้ใหญ่แกนั่งแทะมะขามป้อมจิ้มเกลืออย่างมีความสุข

“อั่น เจ้านาย ผมว่าสิ้นปีนี้ ผมสิขายงัวน้อยจั๊ก 4 ตัวน่ะ สิถอยบักขาว-ดำ 14 นิ้ว มาเบิ่งก่อน บ่อไหว ทอระทัศน์สีกะแพงแท่ ๆ เจ้านายคิดว่าจังได๋ครับ”

“มันก็ดีนะลุงผู้ใหญ่ แต่ผมคิดว่าจะซื้อก็เล่นมันสีไปเลย มันงามกว่ากันเยอะนะ ไม่แพงมากหรอก ผู้ใหญ่ก็รวยขนาดนี้ โทรทัศน์สีก็ไม่แพงต่างกันมากนักหรอกน่า เชื่อผมเถอะ”

“โฮ้ มันหลายพันอยู่เด๊ เจ้านาย เงินเดือนผมกะ 450 นึง รอขายข้าวขายงัวแค่นั้นแหลวจังซั่น”

“ดีครับ ซื้อทีเดียว เอาให้ดีไปเลย”

“ครับ เจ้านาย…”

มันช่างเป็นเช้าวันศุกร์ที่สดใสเสียนี่กระไร ผู้ใหญ่แกตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากกระดก “น้ำตาผีเปรต” แก้วนั้นลงคอหายวาบไปแล้ว แกก็ลงไปใต้ถุนเรือน จับไก่ที่ขังไว้ในสุ่มขึ้นมา 2 ตัว จัดการเชือดคอ ลวกน้ำร้อน ถอนขน พร้อมสับเป็นชิ้น ๆ ให้ป้าเมี้ยนต้มโคล้ง (จะต่างกับต้มยำเล็กน้อย โดยเครื่องเครา เช่น พริกสด ข่า ตะไคร้ หอม ใบมะกรูด จะต้องผ่านการคั่วไฟร้อน ๆ ก่อนพอเกรียม ต้มน้ำให้เดือด ใส่เครื่องลงไป เหยาะเกลือป่น ยอดมะขามอ่อน ใส่ไก่ลงไป เคี่ยวไว้เล็กน้อย กันเหนียว มะเขือเทศผ่าซีก ปรุงรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ก่อนยกลงให้เด็ดใบโหระพาใส่เข้าไป …แซ่บหลายเด้อ) เพราะวันนี้เจ้านายท่านจะมาติดตั้งเสาไฟฟ้าเป็นวันแรก และเป็นต้นแรกของหมู่บ้าน แกจึงนัดเลี้ยงอาหารเช้าไว้ที่บ้านของแก

ป้าเมี้ยนกำลังสาละวนกับการสับปลาดึกอุยตัวเหลืองอ๋อย วันนี้แกจะลาบให้เจ้านายกินอีกอย่าง

เสียงหมาเห่ากันเกรียวที่หน้าบ้าน …มาแล้ว …ขบวนรถเจ้านายท่านมาแล้ว …รถสีส้ม 4 คัน ทั้งรถบรรทุกเสาไฟฟ้า รถบรรทุกเจ้าหน้าที่ รวมทั้งรถที่บรรทุกรถเครนคันใหญ่ เลี้ยวเข้ามาจอด ไอ้หนุ่มการไฟฟ้าแขกขาประจำ กระโดดลงมายิ้มร่า ผู้ใหญ่เดินหอบโหลยาดองลงมาต้อนรับ

“โอ้ สวัสดีครับเจ้านาย เซิญครับ เซิญ เดี๋ยวลองยาซูกำลังจั๊กหน่อยก่อนเนาะครับ เดี๋ยวแม่บ้านผมกะทับข้าวเสร็จ ค่อยรับทานข้าวเซ้ากัน”

ชายท่าทางเป็นหัวหน้าในกลุ่มยกมือรับใหว้ผู้ใหญ่บ้านอาวุโส ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เพียงไม่นานชาวบ้านก็เริ่มมาชุมนุมกันที่บ้านผู้ใหญ่ บางคนก็แบกไหสาโทมาด้วย บางคนก็เอาเหล้าเด็ด (เป็นเหล้าที่ผ่านการกลั่นเอง ตามภูมิปัญญาไทบ้าน) บ้างหิ้วไก่ บ้างหิ้วปลา ตามมีตามเกิด ดูท่าโกลาหลใช่เล่น แต่ใบหน้าทุกคนก็ฉายแววความหวัง

การดื่มกิน เต็มไปด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัย ถ้อยคำกล่าวบ้างหยอกล้อ บ้างจริงจัง ตามดีกรีที่เพิ่มขึ้นในร่าง ป้าเมี้ยน ยกสำรับอาหารเข้ามา กลิ่นต้มโคล้งหอมกรุ่น ลาบปลาดุกก็ดูน่ากินยิ่งนัก ผักสด ๆ ก็หาเก็บได้ตามรั้วนั่นเอง

สายแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าวงเหล้าจะเลิกรา ชายคนที่เป็นหัวหน้าก็แจ้งให้ทราบว่า วันนี้จะเริ่มปักเสาไฟฟ้าแรงสูง ระเรื่อยตามถนนก่อนให้เสร็จ ซึ่งก็คงกินเวลาอาจเป็นเดือน ต้องรอคำสั่งจากผู้ใหญ่ที่สูงกว่า ว่าจะอย่างไรต่อไป และก็ขอบขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านที่เมตตา เลี้ยงข้าวเลี้ยงเหล้า

“โอ๋ย บ่เป็นหยังดอกครับ ท่านหัวหน้า ถือว่าคนกันเอง หมู่บ้านผมนี่นายท่านกะส่งหนังสือตอบรับมาแล้วหละ ซ้าหน่อยกะรอได้ครับ มา…วันนี้ถือว่ากินฉลองเสาไฟฟ้าต้นแรกก่อนกะได้ดอก”

“ครับ ขอบคุณพ่อผู้ใหญ่และ พี่น้องชาวบ้านทุกคนครับ เอ้า งั้น ผมก็ไม่เกรงใจนะ ดื่มครับ”

ระยะเวลาย่อมเป็นปฏิภาคผกผันกับความเมาเสมอ ยิ่งสาย (เวลาเหลือน้อย) ความเมาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่ละคนเริ่มพูดลิ้นไก่สั้นเข้า แต่การพูดคุยก็ยัง เว่านัวหัวม่วน กันต่อไป

เกือบเพลแล้วนั่นแหละ จึงได้เวลาเลิกรากัน …ไม่รู้ด้วยความเมาหรือว่า ต้องการแสดงน้ำใจกับผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าสั่งลูกน้องให้ปักเสาไฟฟ้าต้นแรกที่เป็น เสาแรงต่ำ ที่หน้าบ้านของผู้ใหญ่นั่นเอง ตรงนี้ทำให้แกปลาบปลื้มเป็นยิ่งนัก

หลังจากที่คณะพนักงานจากไป แกก็เรียกประชุมลูกบ้านทันที

“อั่น ทุกคนคือสิเบิงเห็นเสาไฟฟ่าแล่วเนาะ อั่นนี่หละ หัวหน่าเพินม่าปักไว่ เป็นว่าหมู่บ้านของเฮ่า อีกบอโด่นดอก สิฮุงเฮื่อง ไผมี่ค่วมคิดวาจังได๋”

“ผมวา เฮ็ดบุ่นฉลองซะเถาะ ของสูงเด๊ ม่าจากฟ่าจากสวรรค์”

ทิดเขียว แกยืนยันในความคิดแก ซึ่งในที่ประชุมก็เห็นดีด้วย แต่เรื่องนี้ต้องฟังจากหลวงพ่อก่อน ว่าท่านจะว่าอย่างไร เห็นทีว่าเย็นนี้ต้องประชุมกันอีกครั้ง จะได้นิมนต์หลวงพ่อท่านมาเป็นประธานในที่ประชุมเสียเลย

เป็นเช้าที่เอิกเกริกที่สุด ที่หมูบ้านเคยมีมา…

ปะรำพิธียกพื้นสูงประมาณ 1 ศอก หนุ่ม ๆ ชาวบ้านกำลังสาละวนช่วยกันตกแต่งให้สวยงาม ทางมะพร้าวตัดสด ๆ ผ่าโคนให้เหลือปลายติดกันไว้ จับส่วนโคนแยกจากกัน ดอกไม้ประดามี สาว ๆ ช่วยกันจัดวาง เสื่อสาดปูโดยรอบ อาสนะ กระโถน ตาลปัตร รวมถึงโต๊ะหมู่บูชา เสียงแคนดังแว่วหวานมาแต่ไกล เหล่าแม่ครัวกำลังปรุงอาหารควันฉุยส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายยิ่งนัก

ผู้ใหญ่แดง แต่งตัวด้วยชุดกากีตัวเก่งเต็มยศ ผ้าขาวม้าคาดพุง สวมหมวกปีกกว้าง แกเดินสำรวจความพร้อมไปทั่วงาน รอยยิ้มประดับใบหน้ากร้านแดดอยู่ไม่วาย ซองสีขาวซองนั้น ยังเสียบอยู่ที่กระเป๋าด้านซ้ายของแก

หลวงพ่อเดินทางมาถึงพร้อมพระลูกวัด และศิษย์วัดรุ่นโข่ง กรรมวิธีด้านสงฆ์เริ่มไปได้ไม่นาน รถสีส้ม 3 คันก็มาจอดนิ่งที่หน้าปะรำพิธี

หัวหน้าเดินลงมาพร้อมลูกน้อง 6-7 คน เจ้าหนุ่มส่งเอกสารเหมือนรู้งาน เดินลิ่ว ๆ เข้าไปหากลุ่มชายหนุ่มที่ข้าง ๆ ปะรำ สาโทรสหวานถูกสาดเข้าลำคอ ตามด้วยซุปหน่อไม้รสแซบ พนักงานคนอื่น ๆ เดินตามมาสมทบ เสียงจ้อกแจ้ก จอแจ เริ่มดังขึ้น หัวหน้าต้องปรายตามาติงไว้เรื่อย

หลวงพ่อฉันข้าวและให้ศีลให้พรเสร็จแล้ว ความสนุกสนานก็มาเยือนคนทั้งงาน เสียงแคนจากหมอแคนประจำหมู่บ้านเริ่มบรรเลงขึ้น กลอนลำเกี้ยวสาวก็เริ่มขึ้น สลับกับเสียงร้อง สอยสอยจากหนุ่ม ๆ ในวงเหล้า ผู้ใหญ่นั่งจิบยาดองอยู่ข้าง ๆ ท่านหัวหน้า

“ก็คงอีกไม่นานแล้วนะครับ ท่านผู้ใหญ่ ที่หมู่บ้านนี้จะได้สว่างไสวซักที”

“เอ้อ ครับ ผมกะหวังวาจังซั่นหละครับ กะต้องขอบคุณพะนะท่านจริง ๆ ครับ”

“โอ๊ย ไม่เป็นไรครับ การไฟฟ้าเรา บริการประชาชนอยู่แล้ว”

ผู้ใหญ่ได้ยินคำนี้แกก็ยิ้มแป้น มือลูบไปที่อกเสื้อด้านซ้าย ซองสีขาวสะอาด ยังสงบนิ่งอยู่ในนั้น แกลูบด้วยความภาคภูมิใจ

“ผมกะว่าเดือนหน้า พอเสาแรงสูงปักเสร็จ แรงต่ำก็คงลงได้ ไม่เกิน 2 เดือนครับ ผู้ใหญ่ได้ใช้ไฟฟ้าแน่”

“ขอบคุณหลาย ๆ ครับท่าน เฮ้ย! สู เอาไก่นึ่งมาให้พะนะท่านแน แล้วรึยัง”

“เสร็จจากที่นี่ ผมก็ต้องเข้าไปอีกหมู่บ้านนึง เห็นว่าจำนวนครัวเรือนยังไม่ถึงกำหนด”

“อ้อ ครับ”

“ของผู้ใหญ่นี่ มีทั้งหมดในหมู่บ้าน กี่ครัวเรือนนะครับ ผมก็ชักลืมแล้ว หนังสือที่ออกก็เซ็นไว้นานแล้ว”

“35 หลังคาเรือนครับ นี่ไงครับท่าน หนังสือที่ท่านส่งมาให้ผม ยังไม่ได้เปิดอ่านเลยเด๊”

“หา!!…..กี่หลังคาเรือนนะครับ”

“35 ครับท่าน”

“โอย ตายแล้ว ตายแล้ว ยังไม่ได้อ่านหนังสือนั้นด้วยหรือครับ ตาย ตาย”

ผู้ใหญ่แกเห็นท่านหัวหน้าทำท่าทางแบบนั้นก็ชักสงสัยขึ้นมา ดึงซองจดหมายสีขาวนั้นออกมาจากอกเสื้อ แกะอ่านเนื้อหาในนั้น…. มืออันเหี่ยวย่นเริ่มสั่นเล็กน้อย กอรปกับใบหน้าที่เคยแดง บัดนี้ซีดเซียวไม่มีสีเลือด กระดาษหล่นจากมือ หันไปสบตาท่านหัวหน้า ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก วงเหล้าที่กำลังเฮฮาหยุดนิ่ง เสมือนโลกหยุดหมุน

เรียนผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบล…………..

…………………………………………………………

…………………………………………………………

เนื่องจากหมูบ้านที่ท่านร้องขอติดตั้งไฟฟ้านั้น ยังขาดคุณสมบัติอีกหนึ่งประการ คือจำนวนครัวเรือนยังไม่มากพอ ตามมติ ที่ ……..

จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยขอขอบพระคุณอย่างสูง

………………………………………

เทวดาตกสวรรค์! อาการของผู้ใหญ่ตอนนั้น เป็นเช่นนี้จริง ๆ เข่าที่เคยแข็งแรง บัดนี้ แม้จะยืนทรงกายก็คงจะทำไม่ไหว

“เอ้อ……………………”

ทิดโส โม้ระเบิด

ตั๊กแท่ = ไม่บันยะบันยัง ล้างผลาญ
เห็นฮุง = ได้เห็นแสงสว่าง
ตั้งโดน = ตั้งนานนม
เดี๋ยวมันสิสวย = เดี๋ยวจะสาย เดี๋ยวไปไม่ทัน (อะไรทำนองเนี๊ย)
เอี่ยน = ปลาไหล
ซวยหน่า = ล้างหน้าตา
เฮ็ดอีหยัง = ทำอะไร
หมกฮวก = ห่อหมกใบตองลูกอ๊อด ใส่ใบแมงลัก หอมแดง เกลือนิดหน่อย แล้วเอาไม้ไผ่ผ่าหนีบห่อหมกเอาไปปิ้งหรือย่างกับไฟอ่อน ๆ