กะปอม – Photo by Cora Unk

“หน้าแล้งปีนี้ ได้ข่าวแฟนพี่จะแต่งงาน
กับไอ้หนุ่มลูกกำนัน เศรษฐีสุพรรณนั้นจริงหรือเปล่า…”

แว่วเสียง ศรเพชร ศรสุพรรณ ผ่านวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็ก ครับปีนี้หน้าร้อนมันแล้งเหลือ แดดระยิบระยับมองไปที่ชายทุ่งเห็นเป็นกระไอร้อนลอยฟ่อง ลมที่พัดพอให้ใบไม้ไหวยิ่งพาให้ร้อนรุ่มหนักขึ้น แต่นั่นมิได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเหล่าทโมนเช่นเรา

พ่อแบกแหไปกับมวลหมู่ตั้งแต่ตีนฟ้าเปิดแล้ว วันนี้ผมไม่ได้ไปกับพ่อ เพราะมีนัดสำคัญกับกลุ่มเพื่อน เราเตรียมอุปกรณ์ โดยแยกทโมนออกเป็น 2 กลุ่ม บู๊ และ บุ๋น

ฝ่ายบู๊จัดเตรียมหนังสะติ๊ก กระสุน และถุงปุ๋ยเล็ก ๆ ส่วนฝ่ายบุ๋นต้องเตรียมการณ์มากหน่อย เริ่มจากตัดแขนงไผ่ยาวประมาณ 2 วา เลาะตาให้เรียบร้อย หาเชือกมาควั่นทำเป็นบ่วงแล้วผูกเข้าที่ปลายไม้ สะพายข้องเล็ก ๆ ไปด้วย เพียงเท่านี้เราทั้งสองกลุ่มก็พร้อมรบ

ใช่แล้วครับ เราจะไป “ล่ากะปอม” กัน

จัดการแยกสายบู๊ สายบุ๋น ออกจากกันเรากำหนดเป้าไว้แต่ต่างกรรมวิธีการ ทีมบู๊จะล่าไปทางใต้ ทีมบุ๋นจะล่าขึ้นเหนือ โดยเอาสวนข้างบ้านผมเป็นหลัก สายบู๊ไม่ต้องบรรยายมาก เจอะกะปอมที่ไหนใช้หนังสะติ๊กรุมยิงได้เลย ซึ่งนั่นไม่ใช่วิถีทางเช่นคนอย่างผม เพราะกะปอมที่ถูกยิงจะตายทันทีหรือไม่นานจากนั้น เป็นการทำร้ายโดยเป้าไม่รู้ตัว ไม่โมแรนติค 555

สำหรับผมทีมบุ๋น เรามีกันอยู่ 3 คน ผมและเด็กผู้หญิงอีกสอง เราเริ่มเดินสอดส่ายสายตาไปตามเสารั้ว การล่ากะปอม หากเริ่มตั้งแต่แดดออกใหม่ ๆ จะเจอเป้าหมายเยอะมาก เพราะกะปอมจะออกมาผึ่งแดด โดยการปีนขึ้นไปในจุดสูง ๆ ที่แดดส่องถึง ตรงนี้แหละที่เราต้องการ

เมื่อเจอเป้าหมายแรก เราทั้งสามยืนนิ่ง ๆ จัดบ่วงให้เรียบร้อย แล้วเริ่ม ผิวปาก เสียงผิวปากของเราทำให้เจ้ากะปอมสนใจ นอนชูคอนิ่งงัน ประหนึ่งเสียงบรรเลงบทเพลงจากสรวงสวรรค์ หากเป็นตัวผู้ ช่วงลำคอจะออกสีแดง ชมพู หรือส้ม ดูสดใสสวยงามมาก เราผิวปากต่อเนื่องไปเพียงครู่เดียว มั่นใจว่าเจ้าเป้าหมายถูกสะกดแล้ว เราก็เริ่มยื่นเรียวไม้ที่ปลายมีบ่วงเข้าไป จุดหมายอยู่ที่ลำคอสีสวย

ปากผิว ตาจับจ้อง มือทำงานส่งบ่วงเข้าไปคล้องคอสีสวย เบา ๆ …..เสียงผิวปากเงียบลง เราสามคนหันมายิ้มให้กัน กะปอมตัวแรกดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ที่บ่วงปลายไม้…

เสร็จเรา จากตัวที่หนึ่ง สอง สาม………ปริมาณกะปอมเพิ่มมากขึ้น เรายังสนุกลุยล่ากันไปเรื่อย ๆ บางตัวคล้องได้คอ บางตัวดิ้นในขณะดึงบ่วง ทำให้บ่วงรัดเข้าที่ลำตัวบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากบ่วงและบทเพลงบรรเลงจากเรียวปากเล็ก ๆ ของเราสามคน

จนป่านนี้กะปอมทั้งหมดในข้องอาจยังสงสัย เพราะเสียท่าง่ายไปหน่อย แค่เสียงผิวปากเท่านั้น ทำให้ต้องหมดอิสรภาพจนถึงชีวิตเชียวหรือ แต่มันเป็นไปแล้ว…….

บักเม่า

กะปอมในข้องมากพอสำหรับทีมเราแล้ว ไปหาอะไรกินรองท้องกันหน่อยดีกว่า เราเดินตัดลงทุ่งไปริมหนองน้ำ ที่ยังพอมีน้ำเหลือให้ควายพอได้นอนปลักนอนตม เราไม่ได้สนใจน้ำในหนองหรอก เราเลาะริมหนองกันมากกว่า มีต้นไม้พุ่มอยู่ 3-4 ต้น กำลังออกลูกบ้างยังเขียวเพราะดิบบ้างออกสีเหลือง บ้างสีแดงคล้ำเพราะสุกได้ที่แล้ว เรารูดพวงเล็ก ๆ นั้นเข้าปากกันเป็นที่เอร็ดอร่อย รสชาติเปรี้ยว ๆ หวานปะแล่ม ๆ เราเรียกว่า “บักเม่า” หรือ “ข้าวเม่า” ที่มาฮิตเอามาทำไวน์โอท็อปกันอยู่ช่วงหนึ่งนั่นเอง

เดินหน้าไปอีกหน่อย มีต้นมะม่วงป่าขนาดสองคนโอบขึ้นอยู่ บริเวณลำต้นมีเถาวัลย์เถาใหญ่เลื้อยขึ้นไปหายอด มะม่วงลูกเล็ก ๆ กลิ่นเหม็นเหมือนขี้ไต้ รสเปรี้ยวจัด เมล็ดใหญ่จนเกือบทะลุเนื้อออกมา แต่เราไม่ได้สนใจมะม่วง เราสนใจผลของเถาวัลย์เถานั้นมากกว่า ผลใหญ่ขนาดไข่ไก่ฟองเล็ก เมื่อดิบจะเปรี้ยวฝาด แต่เมื่อผลมีสีเหลืองนวลละก็เป็นที่ถวิลหายิ่งนัก รสชาติเปรี้ยวแซมหวาน มียางมากที่รอยต่อระหว่างเปลือกกับเนื้อใน เมล็ดใหญ่พอสมควร ในหนึ่งผลมีอัดแน่นอยู่ประมาณ 4-5 เมล็ด เราเรียกว่า “บักยาง”

ผมปีนเถาวัลย์ขึ้นไปเก็บ เด็ดเป็นพวงมัดรวมกัน จนพอแล้วเราจึงหากันเดินทางต่อไป

กลางท้องทุ่งกว้าง ยังมีผลไม้พื้นเมืองที่ให้ผลสุกในหน้าร้อนแล้งช่วงปิดเทอมอีกหลากหลาย เป็นต้นว่า บักไฟ บักแงว บักหัวลิง (ติงคิงขี้หยอด) ในตอนต่อ ๆ ไปจะมาเล่าสู่ฟังใหม่ วันนี้เอาแค่ 2-3 อย่างก็วินแล้ว 5555

เรากลับถึงบ้านเมื่อบ่ายคล้อยแล้ว พ่อได้ปลามาเต็มข้อง แม่กำลังคัดปลาช่อนที่ยังเป็น ๆ ไปขังไว้ในโอ่ง ปลาดุกแยกขังในหม้อต่างหาก ไม่ต้องใส่น้ำเยอะหั่นมะนาวลงไปสักชิ้น แม่บอกว่าปลาดุกเวลาขังรวมกันมันจะโดนเงี่ยงกันได้ ต้องเอามะนาวไว้สมานแผล (เท็จจริงไม่ทราบนะครับ ภูมิปัญญาของแม่ผม) ส่วนปลาเข็ง หรือปลาหมอ เราก็แยกขังไว้อีกต่างหาก ใส่น้ำนิดเดียวพอ ปลาพวกนี้ทน ไม่ตายง่าย ขังไว้กินได้หลายวัน

บักยาง

ทีมบู๊มาถึงก่อนเรา กะปอมที่ล่ามาได้เสียชีวิตทั้งหมด เพราะวิถีกระสุนส่วนมากจับเข้าที่หัวอย่างแม่นยำ ทีมงานก่อกองไฟเอาซากกะปอมไปจี่ (เผา) กลิ่นหอมประหลาด ๆ พอได้ที่ก็หาช้อนขูด ๆ หนังที่ไหม้ไฟออก ล้างน้ำสะอาด ผ่าท้องเอาขี้ออกทิ้งไป บางตัวมีไข่ในท้องถือว่าลาภปากเรา 5555 หาไม้ไผ่มาตับกะปอมที่ทำเสร็จแล้วปิ้งไฟอ่อน ๆ อีกสักครู่ให้เหลืองสวย

เข้าสวนไปเด็ดมะม่วงแก้วหรือพิมเสน ที่เวลาดิบจะเปรี้ยวจนเข็ดฟันมาสักหอบหนึ่ง สับกะปอมให้ละเอียดทั้งตัว ใส่หม้อ เอาน้ำปลาแดกใส่ลงไป พริกป่น ข้าวคั่วใส่ลงไป สับมะม่วงใส่ลงไป คนให้หนักมือนิด หั่นหอมแดงโรย ใบมะกรูดซอย เพียงเท่านี้เราก็ได้ลาบกะปอมรสแซบแล้ว

ในส่วนของทีมบุ๋น กะปอมที่เราได้มาเป็น ๆ ทั้งนั้น ขังไว้ในข้องได้อีกหลายวันเลย โดยส่วนมาเราจะปล่อยไว้ในสวนนั่นแหละ อยากกินอีกเมื่อไหร่ค่อยไปหาคล้องเอา

พูดถึงจุดจบง่าย ๆ ของกะปอมแล้วทำให้ผมนึกถึงตัวเองเช่นกัน เหตุใดหนอ เพียงเสียงผิวปากเท่านั้น ทำให้เจ้าไหลหลงจนต้องจบชีวิตลงง่ายดายปานนี้ หรือว่ากะปอมเป็นสัตว์ที่นิยมความไพเราะของเสียง จนไม่สนใจกระไรทั้งสิ้น แม้ชีวิต

แล้วมนุษย์บางจำพวกล่ะ แตกต่างจากกะปอมตรงไหน บางคนลุ่มหลงใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จนยอมเอาชีวิตทั้งชีวิตไปเดิมพันมา แม้จะเหลือเพียง 3 ตัวก็ยังกอดเก้าอี้ไว้แน่น ไม่สนใจแม้เสียงกระซิบจากเบื้องบน หรือบางคนเพียงเพื่อเงินไม่กี่หมื่นล้านบาท เจ้ากลับยินยอมแลกความเป็นมนุษย์เชียวหรือ เหตุใดไม่รู้จักพอเพียงกันบ้าง หรือเจ้าก็เฝ้ารอบ่วงมารัดคอ… กระนั้นหรือ…

ทิดโส โม้ระเบิด