พูดถึงเพลงนี้…. ข้าพเจ้าอยากขออนุญาตหัวเราะหน่อย เพราะเพลงนี้จริง ๆ แล้วมันเกิดจากการรับปากพี่นกเอาไว้ว่า “ผมจะแต่งให้นะ เพลงรองเท้าแตะ” แต่เมื่อเอาเข้าจริง… เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายเดือนก็ไม่ได้แต่งสักที พูดง่าย ๆ ก็คือลืมนั่นเอง
จนวันหนึ่ง… ข้าพเจ้าเข้าเวรที่ป้อมหน้าของหน่วย (หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส) วันนั้นฝนตกหนักมาก รองเท้าแจงเกิ้ลเปียกไปด้วยน้ำ ครั้นเมื่อเดินเข้าโรงนอน น้ำท่วมเกือบเท่าหัวเข่า เมื่อเดินลุยไปถึงเตียงแล้วก็ถอดรองเท้า มองหารองเท้าแตะ มันลอยอยู่เหนือผิวน้ำสีน้ำตาลเข้ม ข้าพเจ้ายิ้มน้อย ๆ และนึกให้เห็นถึงใบหน้าของพี่นกว่าต้องแต่งเพลงรองเท้าแตะเอาไว้
ก็เลยคว้าเอากีตาร์ที่ติดมาไว้ที่หน่วยได้ขึ้นมาและเริ่มขีดเขียนเนื้อหาออกมา และร้องขึ้นในโรงนอนภายในนั้นเงียบ ๆ เพราะกลัวรบกวนเพื่อนทหารหาญนายอื่นที่เขาหลับนอนกันก่อนแล้ว
ข้าพเจ้าจำได้ว่า เพลงนี้เขียนขึ้นประมาณ 15 นาที ใส่เนื้อใส่โน้ตเข้าไป เมื่อร้องอยู่ได้สัก 3-4 รอบง่วงก็เผลอหลับไป และก็เป็นการปิดตายเพลงรองเท้าแตะเท่านั้น
จวบจนเวลาล่วงเลยผ่านมาได้สักประมาณ 4 ถึง 5 เดือนได้ พี่นกโทรติดต่อกลับมาบอกว่ากำลังจะทำเพลง มีเพลงหนึ่งของข้าพเจ้าติดเข้าไป เพลงนั้นก็คือเพลง ใครเปิดไฟให้ดาว และถามข้าพเจ้าอีกว่ามีเพลงอีกไหม ไหนว่าแต่งเพลงรองเท้าแตะเอาไว้ ข้าพเจ้าก็นึกออกและก็ตอบตกลงไปว่า แต่งเสร็จแล้ว เดี๋ยวส่งไปให้
เมื่อวางสายจากกันข้าพเจ้ารี่เข้าห้องค้นหาเพลงรองเท้าแตะ นั้นอย่างเร่งรีบ โชคดีที่เจอ… ข้าพเจ้าเจอเนื้อเพลง แต่สิ่งที่ได้มาคือเจอแต่ท่อนบนไม่กี่ประโยค จังหวะก็ลืมแล้ว ก็เลยเอามาเขียนใหม่วันนั้นเลย
เขียนเสร็จก็นั่งงอยู่พักนึกทำนองเก่าที่เขียนเอาไว้ในคืนที่น้ำท่วมห้อง นึกยังไงก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่าคืนนั้นท่ามกลางสายฝนกระหน่ำมันดูไพเราะ มันดู นักพเนจรออกเดินทางกับเพื่อนร่วมชีวิตคือรองเท้าแตะ ก้าวฝ่าฟันไปข้างหน้าด้วยกัน แต่เนื้อเพลงใหม่ที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นอีกอารมณ์ ๆ ที่รู้สึกดูจะสดใสและสนุกเพื่อมุ่งสู่หวังเช่นกัน มันต่างอารมณ์แต่เพียงวัตถุประสงค์เดียวกัน
ข้าพเจ้ากลับมาพัก 3 หน หนึ่งหนก็คือทำงานยี่สิบวัน พักสิบวัน สามหนก็คือสามเดือน เนื้อเพลงก็ยังหาทำนองและจังหวะไม่ได้ ไม่รู้จะใส่ทำนองยังไง
และวันนั้นในหนที่สี่ของการคำนึงถึงทำนองเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาก็จบสิ้น เมื่อข้าพเจ้าได้รับรู้ว่า เนื้อเพลงช่างเขียนง่ายดายเพียงไม่กี่นาที แต่ทำนองทำเกือบค่อนปียังไม่ดีนัก แต่ที่สุดมันก็จบลง หลังจากเราไปเที่ยวชายทะเลสมิหลาในวันนั้น
แตะ เต๊าะ แตะ เต๊าะ แตะ เต๊าะแตะ เต๊าะแตะ
** เต๊าะแตะเติบโตอย่างโก้เก๋ เดินทางไกลไปสุดฟ้า
ก้าวเดินไปมิเคยเหนื่อยล้า ก็มีเธอมาเป็นเพื่อนข้าก้าวไป
ให้ฉันได้รองเหยียบ ให้ฉันได้สวมใส่
ให้ฉันได้ก้าวไกล เกี่ยวคว้าไขว่ความฝัน
เจ้าเอย เจ้ารองเท้าแตะ
ย่ำเดินเยาะแยะ เตาะแตะสู่ฝัน
แม้คืนแรมรอน – เหนื่อย แม้วันจะผ่าน – หนาว
แม้คืนใดไหนไร้ดาว แม้คราว – ท้องฟ้ามืดด่ำ
แม้นเจ้าเพียงยางราคาถูก แต่เจ้าคือตัวร่วมปลุกปลูกฝัน
แม้นเป็นเพียงเศษของคืนวัน ไปกับฉันเจ้ารองเท้าแตะ
(เธอ) ให้ฉันได้รองเหยียบ (เธอ) ให้ฉันได้สวมใส่
ออกเดินไปสู่เส้นทางแห่งฝัน
ก้าวเดินด้วยกันเถิด เติมเต็มให้กันและกัน
ไปกับฉัน…เจ้ารองเท้าแตะ
แตะ เต๊าะ แตะ เต๊าะ แตะ เต๊าะแตะ เต๊าะแตะ
ต้องขอบคุณเสียงคลื่นและรองเท้าที่ทำให้ข้าพเจ้าเดินไปจนสุดขอบแผ่นดิน และรับรู้ว่าท่วงทำนองที่แท้จริงอยู่ทุกที่ และอยู่รอบตัวเรา
ก่อคเณศ รุ้งสันเทียะ
ปล. เพลงรองเท้าแตะ ได้รับการปรับ/เรียบเรียง คำร้อง ทำนองเพิ่มเติม