
กฎ 3 ข้อที่สำคัญมากของการเทรด Forex เป็นกลยุทธ์ Money Management รวมถึงจิตวิทยาการลงทุนหรือการเทรด การที่จะปรับแก้ตนเองจนถึงเป็น Trader Forex มืออาชีพ จำเป็นอย่างมากที่จะควรต้องใช้ Money Management ด้วยเหตุนี้มาทำความเข้าใจร่วมกันว่า Money Management เป็นยังไง และมันก็สำคัญกับทั้งผู้ที่ทำงาน สร้างรายได้จากที่บ้าน รวมไปถึงนักเทรดการเงินทั้งหลาย
Management คืออะไร
Money Management หากเขียนเป็นคำไทย คงเป็นการจัดแจงจัดเตรียมเงินทุนของคุณ สำหรับในการเทรด Forex รวมทั้งกับ Casino Online บางครั้งบางคราวแล้วคุณอาจได้แลเห็นเป็นตัวอักษรย่อ อาทิเช่น MM ซึ่งก็คือความหมายเดียวกัน ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้พึ่งจะสื่อความหมายเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง อันสม่ำเสมอมาจากนักเทรดทุกคนพบความเป็นจริงว่า เมื่อช่วงผ่านไปไม่นานกำไรที่เคยได้มาจากการเทรดมันหายไป ซึ่งทำให้แนวคิดเรื่องของ Money Management เกิดขึ้น
แนวทางการทำ Money Management
วิธีการสำหรับในการทำ Money Management นั้นเป็นการวางแนวทางสำหรับการบริหารเงินทุนของคุณ โดยมีการกำหนดในส่วนของกำไรว่าต้องการกำไรเยอะแค่ไหน หรือการขาดทุนว่าเราจะ Cut Loss หรือรับการขาดทุนได้มากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน หรือที่แห่งไหน การชำระเงินแต่ละคำสั่ง หรือการเปิด Lot เทรด ถือได้ว่าเป็นเรื่องของ Money Management ทั้งหมดทั้งสิ้น
ซึ่งกฎระเบียบในประเด็นการตัดขาดทุนนั้นสำคัญมาก ด้วยความที่เป็นการปกปักรักษาทุนเอาไว้เพื่อแก้ตัวสำหรับในการเทรดครั้งถัดไป รวมถึงการดูแลและรักษากำไรของคุณเอาไว้
ข้อดี: ถ้าประพฤติตามแผนหรือช่องทางที่วางเอาไว้ คุณจะสามารถเทรด Forex ได้โดยสวัสดิภาพ และนอกจากจะนำไปใช้กับการเทรดหุ้นต่าง ๆ ได้แล้ว การรู้จักจัดการเงินยังช่วยให้ผู้ที่ชอบหาเงินจากออนไลน์ ไม่ว่าจะจากการเล่นเกมส์ หรือการสมัครกับเว็บที่มีโปรโมชั่น เครดิตฟรี สล็อต ไม่ต้องฝาก และไม่ต้องแชร์ เพราะฉะนั้นควรจะใช้ Money Management มาใช้ครับผมการเทรดของคุณจะสบโอกาสสร้างผลกำไรมากกว่าขาดทุนแน่นอน
ข้อเสีย: เป็นคุณจะไม่มีช่องทางสำหรับเพื่อการเทรดและทำเงินจากตลาด Forex และก็ตลาดการพนัน Fun88 อย่างเที่ยงตรง แน่นอนว่าคุณอาจได้กำไร แม้กระนั้นเมื่อถึงเวลาที่คุณเทรดเสีย คุณจะขาดยุทธวิธีรองรับที่ดี ทำให้ขาดทุนท้ายที่สุด
ความสำคัญของ Money Management
เป็นการระบุว่าเราน่าจะซื้อหุ้นจำนวนกี่หุ้นในแต่ละสัญญาณที่เกิดขึ้น รวมทั้งน่าจะตั้ง Stop Loss ที่ระดับราคาเยอะแค่ไหนสำหรับแต่ละโมเดล โดยมีจุดหมายปลายทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีการขาดทุนที่รุนแรง แล้วก็เพื่อความมั่นใจว่าระบบเทรดจะมีผลประกอบกิจการที่ดีหลายครั้งในระยะยาว
เพื่อความง่ายสำหรับการทำความเข้าใจ ขอยกตัวอย่างว่าระบบเทรดส่งสัญญาณซื้อหุ้นตัวหนึ่ง โดยตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 20% จากราคาต้นทุนที่ซื้อ และก็เราไม่ต้องการเสียเงินเสียทองจากผลขาดทุนในการเทรดแต่ละครั้งเกิน 2% ของเงินทั้งผอง เราควรซื้อหุ้นตัวนี้เป็นสัดส่วนใหญ่เพียงใดของ Portfolio คำตอบเป็น 10% ครับ ทดสอบสมมุติปริมาณคิดว่า Portfolio ของเรามีมูลค่า 1,000,000 บาท เราซื้อหุ้นตัวนี้ 100,000 บาท หากแม้หุ้นตัวนี้วิ่งลงไปถึงจุดที่จะต้อง Stop Loss เราจะขาดทุน 20,000 บาท ซึ่งคิดเป็น 2% ของค่า Portfolio ทั้งสิ้น
จากตัวอย่างข้างต้น เราจะทราบทรงของการซื้อหุ้นแต่ละตัวก็เมื่อเราทราบจุด Stop Loss (Risk per Trade เป็นค่าที่เราเจาะจงขึ้นเองตามลักษณะของโมเดล และความรู้ความเข้าใจสำหรับการรับการเสี่ยงของเราเอง)
สำหรับเพื่อการทำโมเดลเพื่อ Algo Trading ในทางปฏิบัตินั้น ขอแนะนำช่องทางสำหรับการตั้ง Stop Loss เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นตามนี้ครับ (ครั้งต่อไปเราจะพาไปพูดถึงเนื้อหาแบบเชิงลึกมากขึ้น)