ฟ้ามืดมาตอนประมาณบ่าย 3 แล้ว “ฝนแรก” ของปีก็พรูพลั่งลงมาราวฟ้ารั่ว พี่ชายคนที่ 3 นำเอาตะเกียงแก๊สมาทำความสะอาด ขัดโป๊ะทองเหลือง ซึ่งกรรมวิธีก็ไม่มีอะไรมาก เอามะขามเปียกและขี้เถ้าคลุกผสมกัน นำมาขัด พักเดียวโป๊ะทองเหลืองก็จะเป็นมันวาว ทำให้เวลาส่องไฟจะเห็นได้ไกลขึ้น ….ใช่แล้ว คืนนี้เราจะไปหาอาหารในท้องทุ่งกัน
พ่อกลับมาถึงบ้านแล้ว หลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จ 3 คนพ่อลูก ถือตะเกียงแก๊สออกจากบ้าน ซึ่งเจ้าตะเกียงแก๊สกรรมวิธีในการใช้ก็ไม่ยาก เตรียมถ่านแก๊ส ลักษณะคล้ายหินตามทางรถไฟก้อนสีเทาอมฟ้าหม่น จัดให้อยู่ในกระป๋องล่าง ส่วนกระป๋องบนจะใส่น้ำไว้ เวลาจะใช้งานก็เปิดวาวล์น้ำให้หยดลงบนก้อนแก๊ส ทำปฏิกริยาออสโมซีส 5555 ทำให้มีแก๊สจุดไฟติด ต้องการสว่างมากน้อยได้โดยการเร่งหยดน้ำ?
พ่อกับพี่ชายถือฉมวกคนละอัน ส่วนผมยังเล็ก มีหน้าที่สะพายข้องเปล่า 2 ใบ แม่ไม่ลืมเอางอบมาสวมหัวให้ “กันฝนหน่อยลูก เดี๋ยวเป็นหวัด”
เราเดินกันมาพอได้ครึ่งเหนื่อย (ใช้พลังงานไปประมาณ 0.73 กิโลแคลเลอรี่ 555) ก็มาถึงจุดหมาย หนองน้ำขุ่น เสียงกบเขียดร้องระงม พ่อเดินไปตามเสียง โดยลูกหาบทั้งสองเดินตาม ไม่นานเกิน 3 ลมหายใจ “กบ” ตัวแรกก็ย้ายบ้านมาอยู่ในข้องเล็กเรียบร้อย “อะฮ้า!! ตัวใหญ่ซะด้วย ไข่คงเต็มละ ฮิฮิ” พอได้ตัวแรกพ่อก็หยุด ไม่ส่องไฟอีกแล้ว แต่กลับปลดข้องจากไหล่ของผมออก นำไปวางไว้ข้างคูนาที่มีน้ำท่วมหลังเท้า พ่อบอกว่าเราโชคดี กบตัวที่เราได้เป็นตัวผู้ (เพราะพ่อจะดูที่คางของกบ จะมีปื้นสีดำอยู่แสดงว่าเป็นตัวผู้) เราไม่ต้องหาให้เมื่อย เดี๋ยวพ่อเสกคาถาเอง ว่าไปนั่นแน่ะพ่อเรา 555
หลังจากวางข้องกบไว้แล้ว พ่อก็พาเดินขึ้นเนินไปอีกหน่อย จะมีทางน้ำไหลลงมาสู่หนอง เจ้าประคุณเอ๊ย!! ปลาหมอไทย แถกเหงือกกันอยู่เต็มไปหมด พ่อเล่าว่า “ปลาพวกนี้มันได้กลิ่นน้ำใหม่ มันจะไปหาที่วางไข่น่ะ” ก็สนุกผมสิครับ จับปลาหมอใส่ข้องใบใหญ่ซะเพลินไปเลย ตอนแรกก็เอาหมด แต่หลังจากมากเข้าก็เริ่มไม่เอาตัวเล็กแล้ว หาตัวใหญ่ ๆ ท้องนูน ๆ เลย รับรองไข่ทุกตัว ปลาหมอหรือปลาเข็ง นี่นะครับ ย่างพอน้ำตก สับละเอียดเอาก้างออกก่อนนะ ตำข่าอ่อนใส่ ปรุงเครื่องลาบ เหยาะน้ำปลาร้าสุกเข้าไป สับมะม่วงเปรี้ยวเข้าไป โอ้โห!! ผมว่าเป็นปลาที่ลาบอร่อยมาก มันกำลังดีเลย
ได้ปลาหมอมาเต็มข้อง จนผมสะพายไม่ไหว พ่อก็รับหน้าที่นั้นไปโดยดุษณี ช่วยไม่ได้ ก็ผมน้องเล็กนี่ 555 เราเดินกลับมาที่ข้องกบอีกครั้ง โอ้โห!!!!! กบตัวเมีย ตัวอวบอ้วน ไข่เต็มท้องทั้งนั้นเลย มาลอยคออยู่ข้าง ๆ ข้องเต็มไปหมด ได้จับกันสนุกเลยละครับ
พ่ออธิบายให้ฟังว่า “กบตัวผู้ที่เราใส่ข้องไว้ตอนแรก มันจะส่งเสียงร้องออกมา ทำให้ตัวเมียที่ได้ยินจะเข้ามาผสมพันธุ์ ดังนั้นเมื่อเราได้กบตัวผู้แล้ว เราก็ไม่ต้องเมื่อยเดินหาตัวอื่นเลย เอาตัวนี้แหละ เป็นตัวเรียกพรรคพวกมันเข้ามา” เออ ง่ายดีแฮะ …เก่งนะพ่อเรา 5555
คืนนั้น เรากลับถึงบ้านยังไม่สองยามเลย เพราะไม่มีอะไรจะใส่ได้แล้วทั้งกบและปลา เต็มมาทั้ง 2 ข้อง แม่จัดแจงเทปลาใส่โอ่งเล็กขังไว้ ส่วนกบก่อนจับออกมาจากข้อง ต้องหักขาก่อน (อึ๋ย) ไม่งั้นกระโดดหนีหมด ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้น ผมลืมหนาวไปเลย ล้างแข้งล้างขาเสร็จ คลุมโปงหลับสบาย
ฟ้าเริ่มสว่างมองเห็นลายมือราง ๆ แล้ว ผมตื่นขึ้นมา ถือตะกร้ากับพี่ชายไปด้วยกัน เข้าสวนเก็บมะม่วง เพราะเมื่อคืนลมแรง คงพัดมะม่วงหล่นลงมาโขอยู่ มะม่วงแก้ว อกร่อง และพิมเสน หล่นเกลื่อนเต็มไปหมด เราเลือกเก็บเฉพาะลูกที่ไม่แตก เพราะลูกที่หล่นตอนแรก ๆ จะแตกหมด เนื่องจากดินยังแข็ง แต่ช่วงหลัง ๆ ที่ฝนตกลงมาแล้วดินจะนุ่ม ลูกที่หล่นทีหลังเลยยังไม่แตก
เช้านั้น แม่ทำอ่อมกบ แกงปลาหมอหน่อไม้ดอง เราอิ่มกันจนแทบไม่อยากไปโรงเรียนเลย
ทิดโส โม้ระเบิด
เว้ามาแล้วออนซอน ตั้งตะกี้ผมกะไปคือกันตะเกียงแก๊สไปหาไต้กบ ใช้ดู๋หลายยางรองมันบ่ดี ต้องหาขี้ตมมาโอบไว้นำ ฮอดยามมื้อเซ้ามาเคาะแก๊สออกขี้ขาวโอ๊กโลก เหม็นนำ ใช้มาโดนจนคอมันหักได้เอาสายยางมาต่อเฮ็ดเป็นทอยาว ๆ ตะกี้ก้อนแก๊สขีดละ 3 บาทไปหาใส่เบ็ดยามใกล้ออกพรรษาแก๊สเหลือจากตะเกียงก้อนน้อย ๆ กะเอาไปใส่บั๊งแก๊สจุดดังดีตั้ว (บั้งไม้ไผ่ตัดมาจั๊ก 2-3 ข้อ เจาะฮูเอาแก๊สใส่แล้วจุดม่วนคัก)
เรียงร่ายส้ายมาจากผู้บ่าวโพนทอง
น่าจะเป็นคนเมืองเกินร้อยเนาะ (ร้อยเอ็ด)
แม่นแล้วครับ
ถ่านแก๊ส เมื่อถึงหน้าน้ำเราก็นำไปเป็นอุปกรณ์ประกอบ
การส่องสว่างเพื่อหาอยู่หากิน
แต่ยังมีข้อดีอีกหลากหลาย
ไม่ว่าจะใช้บ่มผลไม้
หรือเอามาจุดตอนกบกินเดือน
เสียงดังดีขนาดครับ
มีอันได๋ดี ๆ กะเล่าสู่กันแหน่เด้อครับ
ไปละ อออ
เยี่ยมครับ.. จะรออ่านตอนที่ 3 นะครับ…
อ่านแล้วทำให้อยากติดตามตอนต่อไปค่ะ พี่ทิดโส
หูยยยยย แกงอ่อม
คัก ๆ ถ่าอ่านยุตลอดเด้อ
น่าจะผัดเผ็ด อ่ะ อิอิ
เป็นตาแซบแท้หน๊อ…แกงปลาเข็งใส่หน่อไม่ส่ม….ซี๊ด.. (หิวข้าว)
อ่านแหล่วหนุกดีเหมือนกัน มั๊นก็เหมือนกันทุกที่ละน่ะ คนหยู (อยู่) เพื่อเอาตัวรอดเหมือนกันแหละ ชอบมาก ๆ เขียนมาดีมาก ๆ เพื่อนเหอ