“ลี่” หรือ “หลี่” เป็นอุปกรณ์ดักปลาชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่ ใช้ดักปลาในพื้นที่กว้างที่มีน้ำไหล การยามลี่ก็คือการไปตรวจดูว่ามีปลาเข้ามาหรือไม่ หรืออุปกรณ์ประกอบตัวลี่ ชำรุดเสียหายหรือไม่นั่นเอง
เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูแล้งเข้าสู่ฤดูฝน หลังจากสนุกสนานในงานประเพณีสงกรานต์เสร็จแล้ว เด็ก ๆ ก็ยังไม่ต้องไปเรียนเพราะปิดเทอมใหญ่อยู่นั่นเอง พ่อพาไปตัดไม้ไผ่มากองรวมไว้ เรากะขนาดความยาวประมาณ 1.50 เมตรต่อท่อน เอามาผ่าและจักเป็นเส้นเล็ก ๆ ตากแดดไว้
พ่อเข้าไปหาเครือเถาวัลย์ในป่าข้างบ้าน รูดใบทิ้งเหลือแต่เส้นเถา เอามาเตรียมไว้ ผมตามพ่อไปด้วย ยังไม่มีอะไรทำก็หาคล้องกะปอมเอาไว้ลาบไปในตัว หน้าแล้งมะม่วงกำลังเข้าไคล ย่างกะปอมให้เหลืองสวย สับให้ละเอียดใส่เครื่องลาบเข้าไป ดึงรสเปรี้ยวด้วยมะม่วงพิมเสน น้ำปลาแดกและผงนัวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ อร่อยจนลืมอิ่มล่ะครับ
เมื่อได้ตอกและเถาวัลย์จนเพียงพอแล้ว พ่อก็พาสานเฝือก เถาวัลย์ทำหน้าที่ยึดตอกแต่ละเส้นเข้าด้วยกัน จนเป็นผืน เราถักกันไว้หลายผืน เพราะต้องกางเฝือกให้กว้างเท่าขนาดของลำห้วย แล้วยังต้องเหลือเอามาทำตัวลี่อีกด้วย
เมื่อได้เฝือกครบตามจำนวนที่ต้องใช้งานแล้ว เราก็เริ่มกรรมวิธีสร้างตัวลี่ เราตั้งเสาดักลำห้วยด้วยระยะห่างต้นละ 1 เมตร เว้นช่วงกลางให้ห่างไว้ 2 เมตร เพื่อเป็นตัวลี่ ในช่องห่างตรงกลางนั้นก็ตั้งเสายาวไปตามลำน้ำอีก 5 เมตร 2 ด้าน ทำโครงโดยรอบ จึงเริ่มผูกเฝือกเข้ากับโครงลี่ ปลายหางลี่จะค่อย ๆ ยกระดับสูงขึ้นจนพ้นน้ำ เพื่อให้ปลาที่ไหลมาตามลำห้วยมากองกันอยู่ที่หางลี่ สะดวกในการเก็บรวมรวบ ด้านหน้าลี่ต้องเอาดินเหนียวมาอุดตามรอบรั่วให้ดี ปลาจะได้ไม่หนีไปไหน
พอฝนเทลงมา น้ำในลำห้วยเริ่มไหล ปลาก็เหมือนตกลงมาพร้อมกับฝน หน้าที่ยามลี่ก็เริ่มต้น ผมช่วยพ่อปลูกกระต๊อบมุงหญ้าคาเล็ก ๆ ไว้ที่หางลี่ เราเตรียมอุปกรณ์เช่นหมอน มุ้ง ผ้าห่มไปไว้ในกระต๊อบ กะละมังซักผ้าสังกะสีเก่า เอาดินใส่ไว้เกือบเต็มทำเป็นเตาไว้ก่อไฟ หาฟืนมาเตรียมไว้ให้พร้อม
ปริมาณปลาที่จับได้ในแต่ละวัน มากบ้าง น้อยบ้าง แต่พอลมหนาววอย ๆ พัดผ่านเข้ามา ฝนกำลังจะตกลาฟ้า ดูเหมือนปลาจะมาออหน้าลี่เต็มไปหมด ปลาช่อนตัวเขื่อง ๆ ลอยกันเต็มไปหมด พอมีอะไรให้ตกใจก็กระโดดกันโผงผาง สุดท้ายก็มาเจอกันที่หางลี่ ซึ่งเราถือเป็นคิลลิ่งฟิลด์ 555
ผมก่อไฟสุมฟืนไว้ในกะละมัง ดำน้ำลงไปงมดินเหนียวมาห่อปลาช่อนตัวเขื่อง ค่อย ๆ วางปลาช่อนโอบดินเหนียวเข้ากองไฟอย่างทะนุถนอม ด้วยกลัวว่าปลาจะตกใจจนทำให้เนื้อไม่หวาน ชะอุ๊ย!! ยังดิ้นขลุกขลัก สงสัยตอนห่อดินเหนียวแล้วลืมทุบหัว 555
ลมหนาวโชยมาจนขนลุกซู่ คะเนประมาณชั่วหม้อข้าวเดือด ดินเหนียวแห้งเป็นสีน้ำตาลหม่น น้ำหยดจากปลาโดนไฟดังฉี่ ๆ พ่อเอาไม้คีบเจ้าปลาดินเหนียวออกมาจากกองไฟ บรรจงแกะดินเหนียวออก ผมมองเนื้อปลาขาวจั๊วะพลางกลืนน้ำลาย เอื๊อก! ดินเหนียวจะช่วยแกะเกล็ดปลาออกให้โดยอัตโนมัติ ข้าวเหนียวเย็นชืดที่เราเอามาทำข้าวจี่ก็เหลือมหอมน่ากินยิ่งนัก พ่อแกะแก้มปลาส่งให้ ผมจ้ำลงไปในถ้วยปลาแดก อื๋อ.. หวานอร่อยยิ่งนัก ผักโหบเหบที่เก็บจากนาเป็นผักแนมอย่างดี
ในบางครั้งชีวิตก็ใช่จะเรียบรื่นเสมอไป เรากำลังสนุกกับการจับปลาเข้าข้อง ปลาช่อน ปลาเข็ง ปลาขาว ปลาเซือม ฯลฯ งูเจ้ากรรมไม่รู้โผล่มาตอนไหน เราสองคนพ่อลูกกระโดดหนีกันจนลี่จะหัก ก็นึกว่างูเห่าหรืองูมีพิษน่ะสิ ที่ไหนได้ เจ้างูกินปลา จับปลากินจนหลงน้ำ เผลอไหลเข้ามาในลี่ ให้เป็นที่อกสั่นขวัญแขวน และกลับกลายเป็นผัดเผ็ดชั้นดีในมื้อเย็นนั้นเอง 5555
ทิดโส โม้ระเบิด
ชอบนะคะ…
ชอบเวลาที่พี่ทิดโสเล่าเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตให้ฟัง
มีความรู้สึกได้เลยว่า…ผู้เล่า มีความสุขเหลือเกินกับสิ่งที่ถ่ายทอดออกมา
ความรู้สึกที่เชื่อว่า…ทุกคนที่ได้สัมผัส จะรู้สึกกับมันไปด้วยน่ะค่ะ
ไม่ใช่แค่ความสุขจากการได้อ่านหรือได้ฟังนะ…
แถมได้ความรู้….ข้อคิด อะไรอีกหลาย ๆ อย่างเลยละค่ะ…
ขอบคุณค่ะ…ขอบคุณจริง ๆ
จากใจเลยนะเนี่ย….อิอิ
ความสุขในความเรียบง่ายของชีวิต
แค่เพียงหวนนึกถึงความทรงจำของวันวานที่เหลืออยู่
ก็เป็นสุขใจ
แค่เพียงได้เล่าให้ใครซักคนได้ฟัง ครั้งแล้วครั้งเล่า
ก็เป็นสุขใจ
“หลี่” ดักปลาเนี่ย เคยเห็นที่ จ.เชียงราย ตอนเป็นเด็ก แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร มองไกลๆนึกว่าสะพาน
ก็วันนี้แหละเพิ่งได้รู้ว่า มันเรียกว่า “หลี่” และมันคือที่ดักปลา ขอบคุณที่ให้ความรู้
อยากไปสัมผัสชีวิตอย่างนั้นบ้างจังเลยค่ะ