Photo by Jularat Damrongviteetham

ในหมู่บ้านกลางหุบเหล่าเด็กค่ายอาสาฯ ยังคงหลับใหลตั้งแต่หัววัน เพราะพิษจากการตากแดดแบกดินโต้ลมหนาวทั้งวัน หลายคนเพ้อพร่ำถึงคนรู้ใจที่จากมาเพื่อการค้นหาบางอย่างในค่ายอาสา หลายคนนึกถึงร้านนมอุ่น ๆ กับคนที่รักยามอาทิตย์อัสดงภายในมหาวิทยาลัย หลายคนฝันร้ายถึงความเจ็บช้ำเก่า ๆ ที่ต้องเผชิญอย่างโหดร้ายในมหาวิทยาลัย และหลายคนตามคนที่แอบปลื้มมา ที่นี่ไม่ใช่ที่สมานแผลใจ ไม่มีร้านนมอุ่น ๆ ที่นี่มีแต่ “ขี้โม้ ขี้เมา เจ้าชู้ อุดมการณ์ (?) และงานหนัก”

ท่ามกลางงานที่หนักและเหนื่อยความเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือกันเกิดขึ้นไม่ยาก บางครั้งรู้สึกดี ๆ เหล่านี้ยังคงตราตรึงทำให้หัวใจคนค่ายน้องใหม่เปิดรับกับความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันได้อย่างเบิกบาน งานหนัก ๆ ขอเพียงน้ำเย็นซักแก้วคงพอประทังหัวใจที่เหนื่อยล้าได้ บางครั้งความแตกร้าวของหัวใจในโลกของความเป็นจริงมันถูกเยียวยาในโลกที่เป็นอุดมคตินี้ สายใยแห่งความหวังดีแผ่ซ่านสมานแผลที่กลัดหนองเรื้อรังหายเป็นปลิดทิ้ง ความรักเป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่ได้หมายความถึงการละเลยและเข้าใจว่า มาค่ายมาทำอะไรและเพื่ออะไร?

นี่ไม่ใช่ค่ายแรกที่ผมกับเพื่อนต้องเผชิญปัญหาสารพัดอย่างที่ปะเดปะดังเข้ามา งอน เข้าใจผิด ไม่รับฟัง ไม่มีเงินทำค่าย กลายเป็นขี้ผงเมื่อสิ่งที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่มันหนักหน่วงยิ่งกว่าสิ่งไหน ๆ ที่เราเคยฝ่าฟันมาด้วยกัน

น้องค่ายเกือบ 30 ชีวิตยังคงหลับใหลเพราะงานหนักเมื่อตอนกลางวัน กองไฟกลางลานหน้าเพิ่งหมาแหงนที่เรียกว่าโรงเรียนยังไม่หมดแสงขับเคี่ยวกับความเหน็บหนาวอย่างทระนง ข้างกองไฟยังคงมีขี้เมา 4-5 คนพูดจากันอยู่ น้ำใส ๆ ถูกรินมาเวียนตั้งแต่หัวค่ำทำเอาจันทร์ที่ระยิบดาวที่ระยับลมหนาวที่เสียดแทงเข้าบาดลึกไม่อยู่ในภวังค์ความรู้สึกของพวกเรา เป็นเวลานานมากสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้สึกในวันแรกของค่ายที่หลายคนคาดหวัง ทุกคนต่างมีรอยยิ้มให้กับงานหนักและความเหน็ดเหนื่อยทั้งที่เป็นค่ายแรกของพวกเขา ใบหน้าที่มอมแมมด้วยเศษดินของน้องใหม่ ยังคงเป็นกำลังใจที่ดีในการเดินทางเผชิญโชคของพวกเรา

ดีกรีหนัก ๆ ถูกสาดลงคออย่างไม่บันยะบันยังแก้วแล้วแก้วเล่า แต่หาดับความรู้สึกที่ปวดร้าวของคนหลายคนได้ไม่ คำถามที่ยังคงวนเวียนอยู่ให้ห้วงความรู้สึกตลอดเกือบ 3 เดือนก่อนมาค่าย มันยังตามหลอกหลอนเราไม่เลิกไม่ว่าที่ไหน เมื่อไร ความขัดแย้งเริ่มทวีความรุนแรงและกลายเป็นเชื้อร้าย บั่นทอนความรู้สึกของคนค่ายอย่างพวกเรา “ความรัก”

โลกที่พวกผมอยู่ความรักคืออาณาเขตหวงห้าม เป็นเรื่องของปัจเจกไม่ใช่ของโลกการแก้ปัญหาเชิงเหตุผลจึงไม่ใช่ทางออก คำถามเป็นร้อยเป็นพันผลุดขึ้นในห้วงความรู้สึกผมท่ามกลางความสับสนอลม่าน สองมือที่เคยทรงพลัง สองเท้าที่เคยก้าวอย่างมั่นคงของใครบางคน กลายเป็นสองมือเท้าที่ไร้ชีวิต จิตใจที่บอบช้ำ เป็นอย่างนั้นนับเดือนกับอาการง่อยเปลี้ยทางความคิด เราก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่เป็นแผลกลัดหนองมันจะทุเลาลงเมื่ออยู่ในค่ายที่ ๆ เราพเนจรร่วมกันอีกครั้ง

ใช่รักไหมรัก ใช่หลงไหมหลง ซ่อนในอารมณ์ ในซอกหลืบ
ไม่เจ็บไม่ฝัน อยากอยู่อย่างนั้น ไม่แตะไม่ต้องสัมผัสเธอ
ขอเพียงเท่านี้ ให้คงอยู่อย่างนี้ สิ่งดีก็หลงจนเกินสุข
อารมณ์นั้นลึก จะเก็บเธอไว้ ให้ลึก…..สุดใจ

การเผชิญโชคครั้งนั้นมันให้พวกเราได้เรียนรู้หลายอย่าง มากซะจนกลายเป็นบางคนต้องถอยร่นออกเส้นทางที่เป็นอยู่ คนที่อยู่ก็สะบักสะบอมไปตาม ๆ กันแต่ก็ดีอย่างที่ทำให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยพวกเรายังมีหัวใจ มีลมหายใจอยู่ ไม่ใช่ขี้โม้ ขี้เมา เจ้าชู้ เพียงอย่างเดียว

ดวงตะวันลับแล้วนะคนดี
ลมหายใจเธอหยังเหลืออยู่บ้างไหม
สายตาเธอมองโค้งฟ้าบ้างหรือไม่
หรือดวงใจยังจ่อมจมกับวันวาน

รัตติกาลมาเยือนแล้วนะคนดี
เย็นย่ำเดี๋ยวนี้เธออยู่ไหน
ล่องลอยเหนือโค้งฟ้าหรือไม่ใช่
หรือดวงใจรวยรินกับวันวาน (ที่เหลือจำไม่ได้แล้ว…เมา)

ปิยะวัฒน์ นามโฮง
โนนป่าก่อ, ดงหลวง, 2549