ก่อนหน้าการเกิดของ “คาราบาว” มีวงดนตรีแนวสะท้อนสังคมที่โด่งดังจริงๆ อยู่ 2 วง คือ “คาราวาน” และ “แฮมเมอร์” วงแรกนั้นถือเป็นผู้บุกเบิกเพลงแนวนี้ แต่ก็ห่างหายไประยะหนึ่งเพราะลี้ภัยการเมืองเข้าไปอยู่ในป่า พร้อมกับพรรคพวกร่วมแนวทางอีกหลายวง แฮมเมอร์จึงเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานเพลงอยู่ในเมือง
การทำเพลงของวงสะท้อนสังคมในยุคนั้นเป็นดนตรีอะคูสติค เพราะมีพื้นฐานจากเพลงโฟล์คตะวันตก สำหรับ คาราบาว แม้จะได้อิทธิพลของ Crosby, Stills, Nash (& Young) และวง America แต่เมื่ออกอัลบั้มแรก ได้ใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า โดยมีพรรคพวกนักดนตรีจาก เพรสซิเด้นท์ มาช่วย จึงทำให้ คาราบาว มีเสียงที่แตกต่างจากวงในแนวสะท้อนสังคมที่มาก่อนหน้า มีสีสันของร็อคผสมผสานกับลีลาลูกทุ่งไทยเข้าไป
คาราบาว เริ่มมีชื่อเสียงจากอัลบั้มที่ 3 “วณิพก” ด้วยเนื้อหาของเพลงที่สะท้อนภาพชีวิตของคนในชนชั้นล่างของสังคมร่วมสมัย มีอารมณ์ขัน และจังหวะสนุกสนาน “ท.ทหารอดทน” อัลบั้มถัดมาก็ยังเป็นเช่นเดิม
“กัมพูชา” เป็นอัลบั้มทางอะคูสติคที่มาคั่นเวลาเพื่อตั้งหลักใหม่หลังจากออกจากอโซน่า “เมด อิน ไทยแลนด์” ถือว่าเป็นอัลบั้มที่มีความเปลี่ยนแปลงทางดนตรีของ คาราบาว อย่างแท้จริง แสดงความเป็นมืออาชีพเต็มตัว และเป็นอัลบั้มแรกที่ คาราบาว เริ่มจับเรื่องราวที่ใหญ่โตขึ้นกว่าที่เคยเล่นเรื่องชีวิตคนเล็ก ๆ ในสังคม พวกเขามีเพลงอย่าง เมด อิน ไทยแลนด์ เรียกร้องการหันกลับมาใช้สินค้าไทย และ เรฟูจี พูดถึงการอพยพจากภัยสงครามในอินโดจีน
อัลบั้มนี้ไม่มีมิวสิควีดีโอส่งเสริมการขาย แต่ปรากฏว่ารัฐบาลในสมัยนั้น (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ) โดยสำนักนายกรัฐมนตรีได้เห็นดีเห็นงามกับเนื้อหาในเพลงนี้ นำไปทำมิวสิควีดีโอเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ เป็นครั้งแรกที่ คาราบาว เข้าไปเกี่ยวพันกับหน่วยงานรัฐบาล
เมด อิน ไทยแลนด์ เป็นอัลบั้มสุดท้ายก่อนที่ คาราบาว จะพุ่งตัวเองเข้าไปหาการเมืองอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนฝ่ายกบฏ 9 กันยายน 2528 ภายใต้การนำของ พล.ต.มนูญ รูปขจร , ส่งเสียงเชียร์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในการลงสมัครเลือกตั้ง และเสียดสีการปกครองของ พล.อ.เปรม
ดูเหมือนว่าหลังจากนั้น ยืนยง โอภากุล จะทำให้ คาราบาว กลายเป็นวงดนตรีอันตรายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ในบทเพลงเท่านั้น แต่เขาเองยังลงไปเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายครั้งหลายหน ซึ่งบางครั้งก็ถูกคุกคามโดยฝ่ายที่ไม่ประสงค์จะออกนาม
อัลบั้มนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางแนวคิดของ คาราบาว เช่นเดียวกับที่เป็นจุดเปลี่ยนทางดนตรีไม่เพียงเฉพาะในส่วนของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงวงดนตรีในแนวสะท้อนสังคมอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบวง การแต่งกาย การร้องของยืนยง ที่เป็นแม่แบบของนักร้องรุ่นหลังถัดจากที่ สุรชัย จันทิมาธร เคยเป็นมา และการใช้จังหวะดนตรีที่เร้าอารมณ์อย่าง “ฮาร์ดร็อค” และ “3 ช่า” ที่เป็นไม้ตายในการจับความนิยม
ผลต่อแวงวงดนตรีอีกส่วนมาจากยอดขายที่ทะลุเลยหลักล้านทำให้เพลงในแนวสะท้อนสังคมได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่างจริงจังจากเดิมที่ฟังกันในหมู่นักศึกษาปัญญาชนเท่านั้น
ตัวเลขการขายของ เมด อิน ไทยแลนด์ เป็นผลงานที่มีการปลอมมากที่สุดในตลาดเพลงไทย เป็นไปได้ว่าเมื่อรวมการขายถึงวันนี้และเทปปลอมที่ออกมา “อัลบั้มนี้จะมียอดขายกว่า 3 ล้านชุด!”
นอกจากนี้ในทางธุรกิจยังเป็นอัลบั้มแรกที่มีโลโก้สินค้าติดอยู่บนปกเทป และมีเพลงสั้นๆ โฆษณาสินค้าอยู่ในเทปด้วย
ตลาดเพลงเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่การมาถึงของ เมด อิน ไทยแลนด์ เพลงสะท้อนสังคมมีที่ทางของตนเองในธุรกิจนี้ และทำให้ คาราบาว ยังไม่ขาดตอนใน 10 ปีที่ผ่านมา
ตุ๋ย ชมรมฯ