หลับตาลงแล้วคุณลองนึกถึงการเดินทางของคุณในปัจจุบันดูซิว่าดำเนินไปอย่างไร คุณต้องขึ้นมอเตอร์ไซต์ เรือยนต์ เครื่องบิน รถโดยสารหรือขับรถเองใช่ไหม มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกหรือที่การเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม เมื่อปี ค.ศ. 1750-1850 (พ.ศ. 2293-2393) ได้นำคุณมาสู่จุดนี้
เมื่อจินตนาการได้ปลดเปลื้องความคิดของมนุษย์ออกมา เป็นชิ้น เป็นอัน จนล่อนจ้อน และได้ให้กำเนิดเทคโนโลยีขึ้นมาในนามของเครื่องจักรไอน้ำ (การปฏิวัติอุตสาหกรรม: จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) จนทำให้เราได้เห็นเครื่องยนต์ หรือรถยนต์เกิดขึ้นในปัจจจุบัน (และในที่นี้จะขอกล่าวถึงรถยนต์กับคน พอหอมคำ หอมใจ)
แน่นอน… คนกับรถ รถกับคน และคนกลับรถย่อมเกิดขึ้น และแยกกันไม่ได้ แม้ชีวิตจะดำเนินไปบางอ้อยอิ่ง บางเร่าร้อน หรือบางคราตื่นเต้น เร้าใจ จนตระหนกลึก ๆ ว่านี่หรือคือชีวิต (เพื่อนผมคนหนึ่งตะโกนขึ้นในความมืดว่าไอ้เฮี้ยเอ้ย กูเพิ่งเข้าใจชีวิตแม่งนี้เอง)
ชีวิตหลัก ๆ นั้นมีเพียงสองอย่าง คือ “หนึ่งไปข้างหน้า สองไปข้างหลัง” เพราะการอยู่กับที่เป็นเพียงภาวะชั่วครู่เท่านั้น ท้ายที่สุดคุณต้องกาคำตอบลงไปในอย่างหนึ่งอย่างใด
ดังนั้นการเหยียบคันเร่ง เหมือนกระตุ้นเตือนว่าชีวิตคุณต้องดำเนินไปข้างหน้าตามจังหวะ ที่โอกาสเปิดทางให้ เมื่อไปเร็วย่อมแรง เมื่อไปแรงย่อมชน ก่อนจะชนจึงต้องเบรก ทว่าหลายคนเบรกชีวิตตัวเองไม่อยู่ บางคนชนตอ บางคนชนคันข้างหน้า บางคนไปทับเส้นคนอื่น บางคนหุนหันพลันแล่นเอาชีวิตไปพบจุดจบ บางคนบาดเจ็บเพราะแหกโค้งหรือพลิกคว่ำ บางคนแม่งพิการ แต่หลายคนก็ยังไปได้เพราะเข้าใจจังหวะ และเข้าใจชีวิต
- เช็คคน = คุณต้องสำรวจ ตรวจสภาพตัวเองให้พร้อมที่จะเป็น คนก(ลั)บรถ
- เช็ครถ = คุณต้อง ดูความเรียบร้อยของรถทั้งคันว่ามันจะพาคุณไปสู่จุดหมายปลายทางได้หรือไม่ เพราะหลายคนพาตัวเองไปจบลงกลางทาง อย่างน่าใจหาย
- กำหนดเส้นทาง = คุณต้องควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่คุณเป็นผู้กำหนดมัน วางแผนว่าจะไปทางไหน จะออกทิศใด การใช้ชีวิตที่ปราศจากการเตรียมพร้อม หรือการวางแผนแทบไม่เคยสำเร็จเลยก้อว่าได้
- สัญลักษณ์และเครื่องหมาย = คุณต้องดูมัน เพราะมันจะดูคุณด้วย และคอยบอกคุณว่าข้างหน้าจะมีอะไร
- สิ่งกีดขวาง = คุณต้องทำอยู่สองอย่างที่ถูกบังคับอยู่ในตัวคือ หนึ่งหลบแม่งไปเลย สองชนแม่งไปเลย
- ทางตัน = คุณต้องหาทางออกให้ตัวเอง แน่นอนมันมีทางออกที่มากกว่าหนึ่งทาง แต่คุณต้องเลือกทางที่มันเป็นไป และปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณ คนกับรถ และพร้อมที่จะเป็นคนก(ลั)บรถ
- นายประกัน = คุณต้องหาคนช่วยเหลือคอยปรึกษา หารือ และรับหน้าเสื่อแทนคุณเวลาเกิดอุบัติเหตุ ที่ไม่อาจคาดได้
ส่วนการจะเอายังไงกับชีวิต และเอายังไงกับการเป็นคนก(ลั)บรถนั้น เป็นเรื่องที่คุณต้องเฉลยเอง ที่กล่าวมาข้างตนหากยังพอมีสาหร่าย สาระอยู่บาง ก้อขอให้คุณและผมเป็นแค่เพียง คนก(ลั)บรถ ที่พบพานกันในระหว่างเส้นทางที่ผ่าน เพื่ออาจแสดงความมีน้ำใจต่อกันในระหว่างช่วงชีวิตหนึ่ง หรือในเส้นทางที่ใช้ร่วมกันเท่านี้พอ
#!%*เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โปรดรัดเข็มขัดกางเกงให้อยู่ในระดับเหมาะสมทุกครั้งไป
ภูมิวัฒน์ นุกิจ