“ชก” หนุ่มชาวบ้านในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานที่มีรองเท้าคู่ใจที่หวงแหนอยู่หนึ่งคู่ เป็นรองเท้าผ้าใบเก่าเหมือนถูกใช้งานมาแล้วตลอด 2 ปีกว่าๆ แต่สภาพยังดูดีอยู่ คงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมรองเท้าคู่นี้ ชก ถึงได้หวงแหนและรักเป็นยิ่งนัก ใช่แล้วเขาได้มาจากคนรักนั่นเอง ซึ่งให้ไว้เมื่อเกือบ 3 ปีมาแล้ว  เธอชื่อ “ใบพรู” สาวสวยฐานะดี ผู้มีพร้อมไปทุกอย่าง เขาทั้งสองมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกัน ใบพรู เองเธอต้องตามครอบครัวซึ่งย้ายไปอยู่ในกรุงเทพฯ ชก ได้ให้สัญญากับ ใบพรู ไว้ว่าวันนึงจะไปหาที่กรุงเทพฯ

ทุกๆ เช้า ชก จะมานั่งดูรองเท้าคู่นี้อยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังดูแลรักษาอย่างทะนุถนอม รองเท้าคู่นี้แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ ชก ขาดไม่ได้ ไปไหนมาไหน ชก จะใส่รองเท้าคู่นี้อยู่ตลอดเวลา

อยู่มาวันหนึ่งชกเดินเข้าบ้านแล้วถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านตามปกติ บริเวณนั้นก็มีรองเท้าสภาพเก่าอีกหลายคู่วางอยู่ตามจำนวนผู้อยู่อาศัยในบ้านที่มีกันอยู่กันหลายต่อหลายคน โชคชะตาช่างประจวบเหมาะที่วันนั้นเองที่น้าชายซึ่งมีอาชีพขายรองเท้าเก่าอยู่ที่สวนจตุจักร ได้แวะมาเยี่ยมที่บ้านแล้วเห็นรองเท้าเก่าๆ ที่วางเกลื่อนหน้าบ้าน จึงได้ขอเหมาซื้อเพื่อจะนำไปขายที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็รวมรองเท้าของ ชก รวมอยู่ด้วย โดยที่ ชก เองก็ไม่รู้ว่ารองเท้าคู่นั้นได้ถูกขายไปเสียแล้ว

ชก เสียใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่ารองเท้าของตัวเองได้หายไปเสียแล้ว ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจคนเดียวเป็นเวลาค่อนวัน จึงตัดสินใจได้ว่าจะลงกรุงเทพฯ เพื่อจะไปตามหารองเท้าคู่นั้นกลับมาให้ทันก่อนที่จะถูกขายให้คนอื่นไปเสียก่อน ชก ไม่เคยไปกรุงเทพฯ เลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต ชก ไม่รู้จักกรุงเทพฯ เลยว่าเป็นอย่างไร จะเห็นก็แต่ในทีวีบ้านเพื่อนเท่านั้น แต่ ชก ก็ตัดสินใจขึ้นรถเข้ากรุงเทพฯ ชก ได้ถือโอกาสนี้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับ ใบพรู ว่าจะไปหา ตามที่อยู่ที่ ใบพรู ได้ให้ไว้ก่อนที่จะจากไป ชก มีเพียงกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้น กับเงิน 1 พันบาท และที่อยู่ของญาติกับที่อยู่ของ ใบพรู เท่านั้น

เหมือนฟ้ากำหนดไว้แล้ว ชก โดนหลอกจากคนกรุงที่ชอบเอาเปรียบคนต่างจังหวัด ชกเหลือเพียงเศษตังค์ไม่กี่บาทในกระเป๋ากางเกง ทำให้ ชก ต้องเจอกับอุปสรรคและเหตุการณ์เปิ่นๆ ตลอดทั้งวัน แต่ชกก็ยังไม่สิ้นหวัง จน ชก ได้มาเจอกับ “กิ่ง” สาวกำพร้าชาวกรุงที่มีบุคลิกแก่นๆ ห้าวๆ ขายเสื้อผ้าอยู่จตุจักร สถานที่เดียวกันกับที่ญาติของชกขายรองเท้าพอดี กิ่ง จึงอาสาช่วย ชก ตามหาญาติตามที่อยู่ที่ ชก เอาให้ดู เมื่อ ชก กับ กิ่ง ไปตามที่อยู่นั้นแล้ว กลับไม่พบญาติของ ชก อยู่ที่บ้าน เพราะได้เดินทางไปต่างจังหวัดกันหมด กิ่ง จึงให้ ชก มาพักอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวที่ห้องเช่าของตนขนาดพอซุกหัวนอนได้

วันต่อมา ชก ขอร้องให้ กิ่ง พาไปตามที่อยู่ที่ ใบพรู ทิ้งไว้ให้ ในที่สุด ชก และ กิ่ง มาถึงบ้านหลังหนึ่งตามที่เขียนไว้ในที่อยู่  สภาพของบ้านบ่งบอกถึงความมีฐานะ ชก กิ่งกดกริ่งหน้าบ้านแต่ไม่ทันที่จะมีคนเปิดประตูให้ ก็มีรถยนต์มาบีบแตรใส่ ไม่ใช่ใครอื่น ใบพรู นั่นเอง แทนที่ ชก จะดีใจเมื่อได้เจอ ใบพรู แต่กลับต้องรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่า ใบพรู นั่งอยู่เคียงข้างผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งก็คือคู่หมั้นของเธอนั่นเอง ชก เสียใจมาก แต่อีกใจเขาก็รู้สึกดีที่อย่างน้อย ชก ได้รู้ความจริงเสียทีว่าเหตุใดคนรักของเขาถึงหายหน้าหายตาไป ไม่ส่งข่าวคราวใดๆ เลย และอย่างน้อย ชก ก็ได้ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับคนรัก ว่าเขาจะมาหาเธอที่กรุงเทพฯ ชก ได้ทำตามที่พูดแล้ว ชก จึงรีบผละออกจากที่นั่นโดยเร็ว

วันต่อมา กิ่ง ได้พา ชก ไปพบญาติได้เป็นผลสำเร็จ แล้ว ชก ก็ได้เจอรองเท้าคู่นั้นซึ่งยังไม่ได้ถูกขายไป ชก ดีใจมากที่ได้รองเท้ากลับมา ทันใดนั้น ชก ก็คิดได้ว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ในเมื่อคนรักผู้ที่ให้รองเท้าคู่นี้เป็นของขวัญแก่เขา ได้ปันใจไปให้ชายอื่นเสียแล้ว

เช้าวันเสาร์ ณ สวนจตุจักร ชก จึงตัดสินใจนำรองเท้าคู่นั้นไปขายด้วยตัวเอง อยู่ข้างๆ ร้านของญาติของ ในขณะที่ ชก กำลังสองจิตสองใจว่าจะขายรองเท้าคู่นี้ดีไหม ใจหนึ่งก็อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ อีกความคิดก็ทำให้สะท้อนใจถึงคนรักที่ทิ้งเขาไป ทันใดนั้นก็มีคนมาขอซื้อรองเท้า ชก ยื่นรองเท้าให้พร้อมรับเงินมา ชก มองเงินในฝ่ามือ ภาพความหลังครั้งที่ ชก ได้รองเท้าคู่นี้มาจาก ใบพรู พร้อมๆ กับภาพ ใบพรู อยู่ข้างคู่หมั้นในรถ ก็ผุดขึ้นในใจทันที ชก จึงคิดได้ว่ารองเท้าคู่นี้คงไม่ใช่สิ่งมีค่าสำหรับ ชก อีกต่อไปแล้ว ชก จึงคืนเงินลูกค้าคนนั้นไป พร้อมพูดว่า “ผมให้คุณไปฟรี ๆ ก็แล้วกันครับ”

บางสิ่งที่ยังคงมีค่าในวันนี้ อาจจะดูไร้ค่าในวันพรุ่งนี้ก็ได้

*เกิบ เป็นภาษาท้องถิ่นทางภาคอีสาน ซึ่งหมายถึง รองเท้า

หนึ่ง น้ำโขง