“ไทลากูน” เป็นชื่อที่ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ (กวีซีไรท์ ปี 2539) ตั้งให้

“ไท” หมายถึง ไทพื้นเมือง หรือไทนักสู้ ผู้หวงถิ่น “ลากูน” หมายถึง ทะเลสาป ทะเลสาป ซึ่งขนานไปกับทะเลจริง

“ก้างปลา” ของไทลากูน หมายถึง ทรัพยากรที่ร่อยหรอลงไปเยอะ

สมาชิกหลักของไทลากูน …..ยืนพื้นมี 3 คน คือ โสวภา ขาวสงค์ ทวนชัย, พิระยะอุดมพร และ สามารถ รัตนรัตน์ เปิดเผยกับเรา

น้าติ๊ก : (ทวนชัย) ผมรู้ได้ยังไง ผมรู้ เพราะผมเคยทำงานกับหัวหน้า สาโรจน์ ประพันธ์ ที่เขาใหญ่ ทำงานสายนี้ เพิ่งรู้ว่า น้ำที่ไหลพาเอาดินในนาจากฝนแรกของฤดู ไหลลงสู่ทะเลเป็นปุ๋ย ที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้เลย เพราะฉะนันระบบนิเวศน์สำคัญมากจนลงไปถึงทะเลเลย เมื่อปลาไม่มีอะไรกิน เพราะเคมีลงไปด้วย ก็เลยเหลือแต่ก้างปลา อย่างที่เห็นนี้แหละครับ แต่ปลาตัวนี้มันไม่ดู (หมายถึงปลาที่ปกเทป) ไม่น่าจะต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้

จากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนั้นทำให้อ่าวไทยดีขึ้น เพราะว่าได้ชะล้างแร่ธาตุที่มีประโยชน์ลงไปในทะเลมาก 10 ปีที่แล้ว ถ้าหมู่บ้านทะเลตั้งแต่ชุมพรลงไป แถวชุมพรจะมีหมู่บ้านที่อยู่ในความอุดมสมบูรณ์มาก เรียกว่าบ่อคาสวีจะเป็นที่พักของชาวประมงและสมบูรณ์มาก จาก 10 ปีที่แล้ว ชาวบ้านจับปลาหมึกได้วันละเป็นหมื่นกิโล แต่เดี๋ยวนี้ได้วันละ 300 โล หรือ 100 กว่าโล นี่ก็ถือว่าดีแล้ว…. ถ้าพูดถึงทรัพยากรแล้ว ผมคิดว่ามันดีแน่ ไม่ใช่แค่การคิดเรื่องส่วนตัว แต่มันเป็นเรื่องของการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม อย่างเช่น การคิดเรื่องส่วนตัวในปัจจุบัน ถ้าเป็นเรื่องของความรัก มันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่างว่ารักพลิกโลกนี่มันก็เกินไป เราจะอยู่ 2 คนได้เหรอในโลกนี้ โดยไม่ดูข้างบ้านบ้าง ของหายก็ยังไม่สนใจน่ะ อย่างผมนี่อยู่ในป่านี่ เห็นคนฆ่ากวางเพื่อเอาไปกิน แต่ถ้าคนๆ นั้นอยู่เพื่อรักษากวางไว้เป็นร้อยๆ ตัว ผมว่าเขากินได้ แต่ถ้าเขากินแล้วรู้สึกว่าอร่อย ก็เอากวางร้อยตัวนั้นไปขาย ส่วนมากจะเป็นอย่างนั้น

เมื่อพูดถึงแนวเพลงของไทลากูนแล้ว คิดว่าเป็นอย่างไร?

น้าติ๊ก : ถ้าพูดถึงแนวเพลงของผมจะเป็นเพื่อชีวิตก็ได้ อย่าง เพลงเห่….เล นี่ เป็นการพูดถึงเรื่องการทำมาหากิน คนทำมาหากิน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนที่ประกอบอาชีพเป็นชาวประมง หรือที่เรียกว่า ชาวเล และอย่างเพลงเพื่อนนี่ ถ้าคนในสังคมเขาตัดสินใจไม่ได้ ยกตัวอย่างมี อาจารย์ราชภัฎนครปฐมคนหนึงพูดไว้ว่า “คุณเป็นพ่อแม่ยังไงนี่ พูดแล้วลูกไม่เชื่อ แต่ไปเชื่อเพื่อนแทน” นี่คือพื้นฐานครอบครัวเลย แล้วเพลงเพื่อนก็กลายเป็นทรัพยากรบุคคลเลย เพราะมันเป็นเรือ่งทีกว้างไม่ใช่เรื่องของหนุ่มสาว…

ก่อกำเนิด ของไทลากูน

น้าติ๊ก : ไทลากูน เกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก “กนกพงษ์ สงสมพันธ์” ซึ่งเป็นกวีซีไร้ท์ ปี 2539 เป็นคนยุ ซึ่งความจริงแล้วพวกเรารวมกันอยู่แล้ว แต่ กนกพงษ์ จะเป็นคนพูดถึงแนวให้ (ตอนนี้มีสมาชิก 6 คน คือ มาด ติ๊ก โส หมู รุงรัง และหนุ่ย) ตอนแรกมี ผม โส และน้ามาด มีหลวงยุทธ ซึ่งเป็นพี่ชายกนกพงษ์ จากวงแม่น้ำ ผมทำงานให้เขาใหญ่อยู่กับ อ. มานพ คุณตึ๋ง กับหัวหน้าสาโรจน์ แล้วทีนี้ผมมา ทีห้องอัดเสียงเจี๊ยวจ๊าว มาร้องเพลงกัน เป็นเพลงที่เขียนกันเอง บวกกับทำดนตรีเข้าไปด้วย คุณภิญโญ เห็นเข้าก็ถามว่าทำไมไม่ทำกันล่ะ เพลงเห่….เลนี่น่ะ ผมก็เลยมาคิดว่า เอ้า…ทำก็ได้ ก็เลยลองดู ใจจริงๆ พวกผมเป็นนักดนตรีไม่ได้ทำอาชีพอื่นเลย ทีนี้ก็อยากเล่นดนตรี และมาคิดว่าบ้านเรามีศิลปินเพี้ยนเยอะ เขาพูดกันว่าพวกนายน่ะอย่างดีก็อยู่แค่ Back up ที่จริงก็ไม่ใช่อยากจะร้องเพลงสักเท่าไหร่ เพราะศิลปินคนร้องดีๆ เยอะ โดยเฉพาะลูกทุ่งน่ากลัวมาก ลูกทุ่งนี่จะซึมเข้าไปในพื้นเพได้ดี พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้เพราะธรรมชาติ เป็นเพลงที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ถ้าเราอยู่กับวัตถุ อยู่กับรถยนต์ อยู่กับตึกเป็นแท่งๆ นี่คุณเชื่อผมเถอะ มันก็ได้อย่างนั้นจริงๆ ก่อนมาเป็น ไทลากูน ผมกับน้ามาด เล่นให้คาราวานบ้าง อัดเสียงให้ปู กับน้าหว่องบ้าง น้าเผือก และอีกหลายๆ คน เริ่มเป็นไทลากูนกันได้แค่ปีเดียว เมื่อก่อนใช้ชื่อว่า กลุ่มชน…

มีความคิดเห็นอย่างไรต่อวงการเพลงเพื่อชีวิต?

น้าติ๊ก : ผมคิดว่า ทุกคนก็ทำดีอยู่แล้ว คือสื่อก็จะไปเล่นในแง่ของสิ่งที่ไม่ดี ส่วนที่ดีไม่ค่อยพูดถึง ผมว่าสายเพื่อชีวิตนี่เป็นสายที่ล่อแหลมมาก ยิ่งเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสปอนเซอร์ พวกเหล้ายาปลาปิ้ง อะไรนี่ ยิ่งทำตัวลำบาก ยิ่งขายของเองยิ่งลำบากไปใหญ่ อาจต้องการความอยู่รอด หรืออาจต้องการไปช่วยขบวนการอย่างอื่นด้วย อย่างน้าหงานี่บางครั้งผมยังเคยเข้าใจแกผิดเลย แกเอาเงินบางจุดไปช่วยสหายบางคนก็เป็นไปได้ แต่เราไม่รู้ไง ซึ่งเราพูดไปแล้ว เอ้า คุณมีสิทธิ์ คุณมีสิทธิ์ คุณคนโน้นก็มีสิทธิ์เป็นผู้พิพากษาได้ แต่ศิลปินไม่มีสิทธิ์เลย เราไม่มีสิทธิ์ครับ ในสังคมนี้ ถ้าเราไม่เป็นผู้พิพากษาเอง ผมว่าจบ ขอให้เป็นแค่สื่อ แต่ถ้าสื่อเป็นผู้พิพากษาเองล่ะยุ่งเลย เพราะมันผูกมัดคุณด้วย ถ้าคุณไม่แน่จริง คุณเป็นผู้พิพากษาข้อมูลคุณไม่เพียงพอก็เละ….

เรื่องเข้าใจผิดมีเยอะครับ เรื่องบางเรื่องเราไม่ควรจะพูด แต่เราควรจะรู้ไว้ เรารู้ด้วยว่าเราไปถามใคร เราจึงจะรู้ข้อมูลที่แท้จริง ถ้าเรามัวแต่สนุกปาก ลำบากใจชาวบ้านผมว่าเจ๊งแน่ ทุกวันนี้ไม่มีใครหรอกที่จะลงทุนโดยไม่คิดอะไร ทำเทปก็เหมือนกัน อันที่จริงเราก็อยากขายเอง ถ้าเราขายเองได้สบายใจกว่า ที่จริงสื่อในบ้านเราก็เยอะนะที่รู้ ๆ จักกัน แต่ว่ามันจะบริสุทธิบ้าง ไม่บริสุทธิ์บ้าง มีผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง แต่ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่างงาน ส.ส. หรืออะไรนี่ ถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักกันก็ไม่มีใครอยากยุ่ง นั่นก็เลยรู้ว่าบางอย่างต้องมีการอลุ่มอล่วย ถ้าเรารู้ว่านักการเมืองคนไหน เออ…คนนี้ใช้ได้นะ ก็ไปช่วยเขาหน่อย แต่ก็ทำให้เขาเป็น ส.ส. ไม่ได้…

อย่างเรื่องม็อบเขื่อนปากมูล คุณคิดดูว่าปู่ย่าตายาย พวกเราทำอาชีพนี้มา อยู่ๆ มาเกิดมีการกักกั้นพันธุกรรม ที่เขาสามารถจะทำได้ ….เอาอย่างปลาชะโดดีกว่า เหนือเขื่อนศรีนครินทร์นี่แหละ ผมเห็นจะจะ ….พนักงานป่าไม้นั่งตกปลา ปลามันโดดขึ้นงับก้นเลย มันกดดันมาก คุณไปสร้างเขื่อนกั้นมัน มันเดินทางเป็นร้อย ๆ พัน ๆ กิโล คุณไปกั้นมัน มันก็เครียด นี่ไง….เอาแค่นี้พอ ปลามีชีวิต ปลาพูดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ อย่างที่พี่ตี้เขียนว่า อยากไปฝึกปลา คุณจะเอาปลาไปฝึกแข่งโอลิมปิคเหรอ คุณไปทำบันได้ให้มันน่ะ บันไดปลาโจนไง แล้วชาวบ้านเขาต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตเลยใช่ไหม นี่เหรอคุณคิดว่าดี คุณคิดว่าพลังงานมันขาดเหรอ เอางี้ดีกว่า คุณไปแอบฟังสำนักงานไฟฟ้าย่อยตามต่างจังหวัดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต คุณจะได้ยินเสียงเหมือนโบกี้รถไฟดังกึงๆๆ ตลอดตัวนี้คือหมายถึงว่าไฟฟ้าที่มา 125,000 โวลต์ สมมติว่ามาเนี่ย 3 เฟสนะ ถ้าเกิดว่ามันมาถึงตรงนี้ปุ๊ปเหลือแค่ 100,000 โวลต์ ตรงนี้ต้องเป็นหม้อแปลงที่จะผลิตให้กระแสเขาเพิ่มขึ้นเพื่อให้สม่ำเสมอ แต่คุณรู้ไหมไอ้เสียง กึง ๆ ๆ นี่คือการตัดไฟทิ้งลงดินครับ คือลงกราวน์ ซึ่งเมืองนอกฟ้าผ่าเขายังเก็บไปใช้ได้เป็นเดือนไช้ได้ทั้งหมู่บ้าน แต่บ้านเรามันตัดทิ้งลงดิน มีสิทธิอะไร แล้วคุณจะมาสร้างเขื่อน

เพื่อนผมอยู่เขื่อน เขื่อนศรีนครินทร์ด้วยซ้ำ จบวิศวะ ชื่อ อนุรักษ์ สุระเมธี เขาก็รู้แต่เขาไม่อยากพูดคุยกับผม เพราะเขาเห็นพวกผมทำงานให้กับพี่ๆ น้องๆ ที่เขาจน เพราะเขาจนเขาจึงไม่มีปากเสียงไงครับ คุณไปดูชาวนาญี่ปุ่นแล้วคุณจะรู้ว่าเกิดอะไรกับชาวนาไทย ถ้าไม่มีนายทุนบางคนผูกขาดเรื่องเหล้า เรื่องอะไร คุณว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชาวนาไทยทำอะไรได้เยอะ แต่ทำไมเขาต้องจนด้วย ยังได้ยิน อ.สมเกียรติ พูดอยู่เลย คุณเคยได้ยินเรื่อง ธ.ก.ส.ไหม พื้นฐาน ธ.ก.ส. มาได้ยังไง ญี่ปุ่นให้ 2 บาทใช่ไหมครับ เงินกู้ แล้วมาปล่อย 12.5 นี่น่ะเหรอช่วยชาวบ้าน แล้วคุณคิดดูพวกรถไถนาญี่ปุ่นทำไมมาง่าย แล้วเชือดควายกิน คุณคิดดูทำได้ไง เพื่อเป็นที่รองรับแล้วทุกวันนี้ ฝรั่งต้องมาจ้างทำนาแล้วโชว์เป็นชั่วโมง ทีด้วย พี่ป้าน้าอาไถนาชั่วโมงนึงได้ค่าตัวด้วย ยันตั้งแต่ลพบุรี นี่คือเรื่องจริง ที่ผมพูดให้ชาวบ้านทางพัทลุงฟัง พวกเขางง เขาว่าจริงเหรอ ไอ้พวกคูโบต้า ยันม่า อะไรนี่ฝรั่งมันมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป เล่นเป็นรถไถ แล้วสีเสร็จในตัว ….คุณว่าสนุกเหรอ ที่วันหนึ่งแม่จะตายอยู่แล้ว ส่งกระดาษใบนึงให้ลูกสาวอ่าน พออ่านแล้วแม่ก็สิ้นลม ให้ลูกรับผิดชอบให้ด้วย หนึ้ ธ. ก.ส. เป็นอย่างนี้น่ะชีวิตชาวนา แต่บางคนเรียกร้องกันอยู่ คุณไปดูสิ เขานอนกันยังไง ยุงก็กัด น้ำไม่มี บางครั้งก็โดนตัดไฟ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว…

มีความคิดเห็นอย่างไร กับอนาคตของเพลงเพื่อชีวิต

น้าติ๊ก : คุณไม่ต้องบอกหรอกว่าเพื่อชีวิตตาย เพราะตราบใดยังมีชีวิตอยู่ เพื่อชีวิตไม่มีทางตาย เพราะมันเป็นการสะท้องถึงเรื่องของคนจากความเป็นจริง แล้วความเป็นจริงจะตายได้ไง ถูกไหม จะตายได้ยังไง ถ้านักดนตรีตายทั้งหมดสิ มันไม่แน่ เพื่อชีวิตยุคใหม่เขาอยู่กับวัตถุก็ไม่เป็นไร แต่ผมว่ามันต้องมีความเป็นจริงบ้าง มันต้องเลือกไง คุณจะซื้อเทป จะซื้อซีดี คุณต้องคิดก่อน จริง ๆ นะ ถ้าพวกผมขายได้เอง ผมจะขายนะ เทปน่ะ 49-59 บาท ซีดีก็ 69-79 บาท เขาจะกล้าปลอมไหมคุณว่า บางคนไม่มีสื่อเลย อย่างไทลากูนไม่มีสื่อเลย ขายเท่ากับเขาน่าเกลียดไหม ผมรู้แต่ผมทำอะไรไม่ได้ แล้วมันจะขายได้ไหม เพราะผมไม่เคยคุยกับบริษัทเลย แต่ผมจะคุยกับ น้าวี สองวัย (วีระศักดิ์ ขุขันธิน) แต่แกก็จะทำงานหนักมากจนแทบจะไม่มีเวลา

เราต้องอดทนครับ อดทนจริงๆ เราจะทำให้ชาวบ้านพึ่งพาอาศัยได้เราต้องอดทนจริงๆ เพลงเราอาจจะดังแค่ 3 เดือน แต่ว่าบางครั้งเราฟังไปแล้วคนเพิ่งรู้จักก็ไม่เป็นไร แต่ว่ามันอาจจะมีคนซื้อลิขสิทธ์ต่อไปเรื่อย ๆ นะ แต่เราไม่คิดว่าหัวเราะทีหลังดังกว่านะ เราวิเคราะห์กันจริง ๆ ดีว่า ดนตรีไม่ใช่เรื่องผีหลอก ไม่ใช่เรื่องการเมือง อธิบายได้นะ มีบ้างที่ท้อ แต่มันเป็นอาชีพ ถึงจะท้อยังไงก็ต้องทำต่อไป ท้อได้ทุกวันนะ แต่อย่าท้อนาน เพราะโดยลำพังแล้วพวกผมไม่ได้เล่นประจำที่ไหน…. อย่างคุณจะคบกับคนอิสลามนี่ แล้วคุณไปเล่นดนตรีประจำคุณทำไม่ได้หรอก เชื่อผมเถอะ ขัดแย้งกับศาสนาเขา ไม่งั้นผมจะทำเรื่องร็องแง็งได้ยังไง ต้องยอมจนนะ เพราะฉนั้นถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา การขายเทปก็จำเป็นกับผมอยู่แล้ว แล้วทำไมพวกผมไม่อยากจะทำ แต่เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว พวกคนที่อยู่ในบริษัทที่เขาทำงานในออฟฟิศ

คุณเห็นชาวบ้านแล้วคุณจะรู้ ชาวบ้านไม่มีอะไร บางทีแม้จะส่งตังให้ลูกเรียนนี่แล้วลูกมาเต้นเหย็ง ๆ นี่เป็นเรา ๆ ก็สียใจนะ แต่เราไปพูด เด็กไม่เข้าใจ เด็กจะหาว่า โธ่น้า….น้าเจอมาก่อนผมแล้วน้าก็พูดได้สิ ผมไม่เคยเจอผมก็อยากรู้ไง แล้วจริง ๆ เงินพ่อแม่ผม แล้วน้ามาเกี่ยวอะไรด้วย มันเป็นยังงี้ไงล่ะ

มีเด็ก ๆ พูดกับผมบ่อยนะว่า นี่นะ….เพื่อชีวิตเหลวแหลกนะพี่ คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ผมต้องอธิบายให้เขาฟังแล้วเขาก็เชื่อนะครับ ยกตัวอย่างว่า เขาบอกว่า พี่แอ๊ดไม่น่าเอาเพลงนี้ เพลงนั้นมาร้องเลยนะ ทั้ง ๆ ที่พี่แอ๊ดเขียนเพลงกัญชาว่าคนนอนใต้ต้นกัญชา แต่ล่าสุด พี่แอ๊ด ก๊อปปี้เพลง บ๊อบ มาเลย์ มาหมดเลย บ๊อบ มาเล่ย์ มันใช้เพลงกัญชาในการสวดมนต์ ลักซ์ตร้าแมนไง มันเป็นการผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงหรือเปล่า ก็บอก…เฮ้ย บ๊อบมันตายแล้ว ถ้าจะคิดว่าเป็นการเผยแพร่เพลงของบ๊อบนี่มันก็เป็นเรื่องดีนะ อะไรอย่างนี้แหละครับ

คุณเชื่อไหมว่า สังคมเพลงร็อคระดับโลกมือกีตาร์แจ๊สหลายคน คุณไปศึกษาดี ๆ จะรู้เลยว่าเขาเบื่อ เขามาเล่นเพลงร็อค เพราะว่าคอร์ดจำกัดมันน้อย หากเล่นแจ๊สมันมีข้อจำกัดอะไรต่ออะไรเยอะ เลยหันมาเล่นเพลงร็อคเสียเลย มันส์ดี ยิ่งคอร์ดเดียวเลย อย่าง ไมค์ เดวิด อย่างน้าหงานี่ คอร์ดเดียว คุณอย่าไปคิดว่าหลายคอร์แล้วมันจะดี ไม่ใช่ บางทีมันไม่จำเป็นเลย

เราซื่อสัตย์กบอาชีพเราไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่เป็นไร แต่ไอ้ที่ชอบทำเสียก็มีอย่างเช่น พอเล่นเสร็จก็ไปนั่งเมาตามหัวมุมต่างๆ ใครมาเห็นก็ว่า โอ้โห…นี่นักดนตรีมันเป็นอย่างนี้เองนะ บางทีพวกผมลำบาก ชาวบ้านไม่เข้าใจก็ว่าหาว่า วัน ๆ มีแต่เล่นดนตรี สนุกมาก พวกนี้สนุกมาก แต่นิ้วจะขาดอยู่แล้ว ใครรู้บ้าง เหมือนนักบอลไง ตอนเขาซ้อม เขาอะไรกัน บริษัทก็ไม่ให้ไปซ้อมหรอก อยากให้นั่งออฟฟิศ แต่แวลาไปแข่งก็จะมีการลงขันเล่นการพนันกัน ใส่กันจังเลย คุณว่าเหนื่อยไหมล่ะ คิดถึงชีวิตเพื่อนบ้าง มันเป็นอาชีพของเขาแต่คุณให้เขาไปนั่งออฟฟิศ แต่พอเล่นจริง ๆ เขาก็เล่นดี ที่จริงไม่น่าจะเล่นดีด้วยซ้ำ เพราะมีเวลาฝึกน้อยมา แต่คุณลงขันเล่นการพนันกับเขาไงล่ะ ก็ต้องเล่นให้ดีใช่ไหมล่ะ นี่แหละคนไทย สังคมไทย…

ผมอยากจะฝากไว้นิดหนึ่งว่า เพลงเพื่อชีวิตยังไม่ตายหรอกครับ ตราบใด้ที่ยังมีความเป็นจริงให้เราได้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตราบนั้นเพลงเพื่อชีวิตก็ยังคงอยู่ครับ

เพลงประชาชน