
“แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง แม่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ ไม่ห่างหันเหไปจนไกล…”
บทเพลงนี้ใครหลาย ๆ คน ก็คงจะเคยได้ยินกันมาแล้ว และคงรู้ดีว่าเป็นบทเพลงที่กล่าวถึงพระคุณของมารดาผู้ให้กำเนิดและอบรมเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่จะมีสักกี่คนที่จะมองเห็นคุณค่าของความรักนี้โดยแท้จริง
คำว่า “แม่” คำสั้น ๆ แต่ความหมายไม่ได้สั้นอย่างที่คิด คำว่าแม่ที่หลายคนเรียกออกมาง่าย ๆ แต่คุณเคยรู้บ้างไหมว่าที่แม่จะคลอดคุณออกมาได้ มันไม่ง่ายอย่างที่คุณเรียก เก้าเดือนกับการอุ้มท้อง เก้าเดือนกับการทรมาน ที่แม่ต้องทนจำยอม และยอมเพราะว่ารัก ไม่ว่าจะหนัก จะเหนื่อย จะลำบากแค่ไหน แม่ก็ยอมได้เพื่อก้อนเลือดของแม่จะได้เติบโตและลืมตาออกมาดูโลก
และเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่เราลืมตาดูโลก วันที่เราร้องออกมาเป็นครั้งแรก วันที่คุณพากันฉลองอย่างสนุกสนานเมื่อมันมาเยือนในปีต่อ ๆ ไป คุณรู้หรือไม่ว่าวันนั้นมันคือวันคล้ายวันตายของแม่ของคุณ คุณเคยหวนกลับไปหาท่านบ้างไหม คุณเคยหวนคิดถึงความทรมานที่คุณมอบให้กับท่านในวันนั้นบ้างไหม ลองมองย้อนไปในวันเก่าๆ ลองมองความเศร้าที่เกิดขึ้นวันนั้น ดิฉันเชื่อว่าคุณคงไม่อยากแม้แต่จะได้ยิน เพลง Happy Birthday จากใครเป็นแน่
12 สิงหาคมนี้ที่กำลงจะมาถึง เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ใช้มันในการบอกรักแม่ กล้าที่จะทำหรือไม่ กล้าที่จะกลับไปหาท่านแล้วก้มลงกราบท่านตรงตัก แล้วกล่าวถ้อยคำสั้น ๆ ออกมาหรือไม่ คำว่า “ผมรักแม่ครับ/หนูรักแม่ค่ะ” คุณแทบจะไม่ต้องใช้ความกล้าเลยด้วยซ้ำไป หากคำนั้นคือคำที่อยู่ในใจคุณตลอดมา เพียงแต่ไม่มีวาระหรือโอกาสที่เหมาะสมที่จะกล่าวมันออกมา ลองสิคะ ลองใช้โอกาสนี้ทำให้แม่คุณภูมิใจสักครั้งก็ยังดี มีหลายคนเคยพูดว่า ทำดีกับแม่แค่วันเดียวมันจะไปมีค่าอะไร ดิฉันก็เห็นด้วยประการหนึ่ง แต่ถ้ามองให้ดี ดิฉันคิดว่าทำดีกับท่านแค่วันเดียวก็มีค่า ดีกว่าเกิดมาทั้งทีไม่เคยทำดีให้แม่ภูมิใจเลยสักครั้ง แล้วคอยมานั่งเคาะฝาโลง เรียกแม่จ๋า! แม่จ๋า! ตอนที่ท่านเสียไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ทำดีตอนท่านยังอยู่กับเราดีที่สุดแล้ว อย่ามัวแต่เขินอายอยู่เลย รีบทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
คุณอาจเคยน้อยใจในแม่ของคุณที่ไม่เคยเอ่ยว่ารักเลยสักครั้ง ไม่เหมือนกับแม่คนอื่นที่บอกลูกทุกวันว่ารัก คุณกลับคิดว่าแม่คุณไม่ได้รักคุณเลย เพราะท่านไม่เคยเอ่ยออกมา แต่คุณเคยมองกลับไปถึงการกระทำของแม่บ้างหรือไม่ว่าท่านนั้นทำอะไรเพื่อเราบ้าง อีกอย่างหนึ่งคือคุณเคยมองตัวเองบ้างไหม คุณบอกในใจว่าคุณรักแม่ คุณอยากให้แม่มีความสุข แต่คุณไม่เคยแสดงออกหรือกระทำตามที่คุณคิดเลยสักครั้ง แล้วคุณคิดว่าจะมีใครรู้บ้าง ตรงกันข้ามกับแม่ที่แสดงออกให้รู้ว่าท่านรัก ท่านเป็นห่วง แต่กลับไม่เคยบอกว่ารักสักครั้ง ลองคิดดูดี ๆ สิว่าสิ่งไหนมีค่ากว่ากัน
ดิฉันเชื่อว่าคุณต้องคิดได้ และเข้าใจความหมายที่ดิฉันอยากจะบอก นั่นคือ “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” อย่ามัวแต่บอกรักแม่อยู่ในใจ รีบกลับไปหาท่านและแสดงให้ท่านรู้ว่าเรารักท่าน แล้วคุณก็จะรู้ว่าแม่ของคุณนั้นดีใจมากเพียงใด รีบกลับไปหาท่านเถอะค่ะ ท่านรอคุณอยู่
คุณเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้หรือไม่?
มีเด็กชายคนหนึ่งเป็นเด็กฉลาดมาก อาศัยอยู่กับมารดาในป่า วันหนึ่งมารดาใช้ให้ไปซื้อน้ำตาลให้เงินไป 50 บาท ซื้อของมูลค่า 10 บาท แต่เด็กชายส่งบิล มาให้แม่มีรายการดังนี้
– ค่าน้ำตาล 10 บาท
– ค่าเดิน 5 บาท
– ค่าเสียพลังงาน 15 บาท
– ค่าไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อนๆ 20 บาท
– ค่าที่แม่ใช้ให้ผมกวาดบ้านอีก 20 บาท
รวมทั้งสิ้น 70 บาท แม่ให้เงินมา 50 บาท แม่ยังค้างผม อีก 20 บาท
แม่รับกระดาษปากกามาและเขียนกลับไปว่า
– ค่าอุ้มท้องลูก 9 เดือน ฟรี
– ค่าเจ็บตอนคลอด ฟรี
– ค่ารักษาพยาบาลเมื่อลูกป่วย ฟรี
– ค่าอดหลับอดนอนเมื่อลูกไม่สบาย ฟรี
– ค่าเลี้ยงดูจนลูกโต ฟรี
รวมทั้งสิ้น เป็นค่าความรักที่มีให้ลูกไม่คิดตังค์
เด็กชายรับกระดาษคืนมาแล้วร้องไห้โฮวิ่งไปกอดแม่ พร้อมพูดว่า “แม่ครับ แม่จ่ายให้ผมหมดแล้ว ผมต่างหากที่ยังจ่ายแม่ไม่ครบ”
“ไม่มีใครในโลกหล้า จะรักเรามากกว่าแม่…” คำพูดนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดก็ตาม คุณคิดว่าจริงหรือไม่ ลองถามใจตัวเองดู หากรู้คำตอบแล้ว อย่ามัวรอช้า จงกล้าและคว้าโอกาสนี้ไว้ และรีบกลับไปบอกว่า “เรารักแม่” กันเถอะค่ะ
น้องเจน